Localizing

Champion Researcher | เมื่อชุมชนมีของยาใจ แต่ไม่พอยาไส้ อนุรักษ์แบบไหนจึงตอบโจทย์

เมื่อกล่าวถึง ‘นักวิทยาศาสตร์’ เราคงมีภาพจำถึงบุคคลที่ทำงานอยู่ในห้องแล็บ สวมชุดสีขาว ขะมักเขม้นอยู่กับการทดลอง หรืองานวิจัยที่ตัวเองกำลังค้นคว้า แต่นักวิทยาศาสตร์ที่เรากำลังได้คุย เธอกับมีเรื่องราวและประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป เธอเรียนจบปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนกระโดดข้ามศาสตร์ไปเรียนสาขาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก เธอเป็นหนึ่งในกลุ่มนักวิจัยที่ทำงานวิจัยแบบข้ามศาสตร์ เรื่องราวและประสบการณ์ของเธอนั้น ทำให้เห็นการบูรณาการทำงานวิจัยร่วมกับผู้คน และชุมชนในเขตเมืองเก่าถึง 24 เมือง  เรื่องราวต่อจากนี้เป็นประสบการณ์การทำงานวิจัยของ ผศ. ดร.วิลาวัณย์ ภมรสุวรรณ หัวหน้าสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในนักวิจัยที่ทำงานร่วมกับชุมชนมาอย่างยาวนาน และได้ตกตะกอนบทเรียนอย่างหนึ่งว่า“หากต้องทำงานวิจัยกับชุมชน อย่าลงพื้นที่ทำกิจกรรมในวันหวยออก!” วีรกรรมในห้องแล็บสู่การค้นพบตัวเองบนโลกกว้าง “เราไม่ชอบทำงานกับสารเคมี สร้างวีรกรรมไว้เยอะ ทำห้องแล็บไฟไหม้ ผสมสารเคมีระเบิด รู้สึกว่าการทำงานในแล็บไม่ใช่ตัวเรา” ผศ.ดร.วิลาวัณย์ กล่าวว่าโดยพื้นฐานเธอเป็นคนไม่ระมัดระวัง จึงรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะทำงานกับสารเคมี และเมื่อย้อนเวลากลับไป 30 ปีก่อน ช่วงนั้นเทคโนโลยีดาวเทียมกำลังเป็นเรื่องใหม่ ทำให้เธอหลงใหลไปกับการเปิดดูแผนที่ เธอกล่าวว่าแผนที่เป็นเครื่องมือที่ทำให้เห็นภาพ เป็นศาสตร์ที่สามารถบอกเล่าให้ผู้คนเข้าใจได้ง่ายกว่า ผศ.ดร.วิลาวัณย์ในวันที่เรียนจบปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ตัดสินใจเป็นนักศึกษาวิทยาศาสตร์คนแรก ที่มาเรียนต่อด้านการวางแผนภาคและเมือง “เราเป็นคนชอบเดินทางและมองสิ่งที่อยู่ภายนอก” ศาสตร์ของสถาปัตยกรรม สอนให้เธอมองสิ่งต่างๆ ในหลายมุมมอง ผสมรวมกับการเรียนวิทยาศาสตร์ทำให้ทุกสิ่งที่เธอมองนั้น ต้องมีเหตุผลรองรับความเป็นไปได้ […]

Champion Researcher | เมื่อชุมชนมีของยาใจ แต่ไม่พอยาไส้ อนุรักษ์แบบไหนจึงตอบโจทย์ Read More »

TU SDG Seminars | งานวิจัยจะศึกษาและหนุนเสริมการร่วมมือและเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาอย่างไร ชวนหาคำตอบจากบทสรุปสัมมนาการวิจัยด้านหุ้นส่วนการพัฒนาและกลไกการขับเคลื่อน

ชวนอ่านบทสรุปการสัมมนา หัวข้อ “การวิจัยระดับพื้นที่ด้านหุ้นส่วนการพัฒนาและกลไกการขับเคลื่อน”   โดย ผศ. ดร.คมน์ พันธรักษ์ และ ศ.วิทวัส รุ่งเรืองผล คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้เวทีสัมมนาการวิจัยด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 ผ่านระบบ Zoom Meeting ด้วยประเด็นที่กล่าวถึง การสัมมนาข้างต้นจึงมีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 4 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 8 งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป้าหมายที่ 9 โครงสร้างพื้นฐาน วิจัยและนวัตกรรม เป้าหมายที่ 11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน เเละเป้าหมายที่ 17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 01 – บทสรุปการนำเสนอประเด็น “ความสำคัญในการพัฒนา MSME” (micro small and medium enterprises) ผศ. ดร.คมน์ พันธรักษ์ ได้กล่าวถึงการวิจัยเพื่อสนับสนุนหุ้นส่วนการพัฒนาและกลไกขับเคลื่อน ในประเด็นของความสำคัญในการพัฒนา MSME มีสาระสำคัญโดยสรุป ดังนี้ 

TU SDG Seminars | งานวิจัยจะศึกษาและหนุนเสริมการร่วมมือและเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาอย่างไร ชวนหาคำตอบจากบทสรุปสัมมนาการวิจัยด้านหุ้นส่วนการพัฒนาและกลไกการขับเคลื่อน Read More »

พัฒนาแช็ตบอตช่วยค้นหากฎหมายเกี่ยวกับ อปท. ให้ตอบโจทย์และมีประสิทธิภาพได้อย่างไร ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘รศ. ดร.นพพร ลีปรีชานนท์’

ชวนอ่าน “โครงการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ สำหรับค้นหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” โดย  รศ. ดร.นพพร ลีปรีชานนท์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนของสถาบันพระปกเกล้า และสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) การช่วยผู้ประสบปัญหาเรื่องเกี่ยวกับข้อกฎหมายให้สามารถหาคำตอบในเบื้องต้นได้นั้น หน่วยงานที่ให้บริการให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายจะมีการให้บริการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ เพื่อให้บริการปรึกษาด้านกฎหมาย ทว่ามีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ความล่าช้าในการตอบคำถาม ซึ่งเมื่อผู้ให้คำปรึกษาไม่มีความรู้เพียงพอ จึงต้องรอผู้เชี่ยวชาญตอบคำถาม และบ่อยครั้งที่ผู้เชี่ยวชาญไม่มีเวลาตอบ ซึ่งบางครั้งเป็นคำถามที่มีการถามซ้ำจากหลายบุคคลที่มีปัญหาเดียวกัน แต่ไม่มีการจดบันทึกรวบรวมไว้อย่างเป็นระบบ ทำให้ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นการให้บริการต้องใช้มนุษย์ในการนั่งรอโทรศัพท์เพื่อตอบคำถามซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงและมีความไม่แน่นอน  เพื่อแก้ปัญหาการใช้มนุษย์ตอบคำถาม จึงมีความพยายามนำเทคโนโลยีมาช่วยในการพัฒนาการให้บริการ เช่น ระบบโทรศัพท์แบบตอบรับอัตโนมัติ ซึ่งสามารถให้บริการได้ตลอดเวลา แต่เนื่องจากการใช้ระบบโทรศัพท์แบบตอบรับอัตโนมัตินั้น เมื่อผู้ถามโทรเข้าไปใช้ระบบ ระบบจะทำการถามคำถามและตัวเลือกของคำตอบตามลำดับที่ได้เตรียมไว้ ซึ่งการที่ต้องฟังคำถามและตัวเลือกคำตอบที่มีความยาวนั้นเป็นภาระให้กับผู้ใช้ อาจมีความผิดพลาดในการฟังจากผู้ใช้ และมีค่าใช้จ่ายสูง การใช้ระบบนี้จึงไม่เหมาะนัก  เพื่อช่วยแก้ปัญหาข้างต้น รศ. ดร.นพพร ร่วมกับวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า จึงดำเนินการวิจัยข้างต้น โดยมีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ  จึงนับว่าเป็นงานวิจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 2 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 9 และเป้าหมายที่ 16 ความสงบสุข ยุติธรรม

พัฒนาแช็ตบอตช่วยค้นหากฎหมายเกี่ยวกับ อปท. ให้ตอบโจทย์และมีประสิทธิภาพได้อย่างไร ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘รศ. ดร.นพพร ลีปรีชานนท์’ Read More »

TU SDG Seminars | งานวิจัยจะศึกษาและหนุนเสริมการผลิต บริโภค และท่องเที่ยวระดับพื้นที่ให้ยั่งยืนได้อย่างไร ชวนหาคำตอบจากบทสรุปสัมมนาการวิจัยด้านการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืนระดับพื้นที่

ชวนอ่านบทสรุปการสัมมนาการวิจัย หัวข้อ “การวิจัยด้านการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืนระดับพื้นที่”   โดย ผศ. ดร.วิลาวัณย์ ภมรสุวรรณ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้เวทีสัมมนาการวิจัยด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ผ่านระบบ Zoom Meeting ด้วยประเด็นที่กล่าวถึงสนับสนุนการผลิต การบริโภค และการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคนในชุมชน งานสัมมนาข้างต้นจึงมีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 3 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 8 งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป้าหมายที่ 11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน และเป้าหมายที่ 12 การผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน 01 – บทสรุปการสัมมนาหัวข้อ “การวิจัยด้านการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืนระดับพื้นที่”    ผศ. ดร.วิลาวัณย์ ในฐานะนักวิจัยแนวหน้าของโครงการ TU – SDG Research ได้นำเสนอประเด็นจากประสบการณ์การทำงานวิจัยเกี่ยวกับการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืนระดับพื้นที่โดยแบ่งเป็นประเด็นย่อยที่น่าสนใจ ดังนี้ ประเด็นแรก การนำเสนองานวิจัยและหัวข้อวิจัยที่ผ่านมา ผศ. ดร.วิลาวัณย์ ได้กล่าวถึงงานวิจัยที่ผ่านมา 3 ด้าน

TU SDG Seminars | งานวิจัยจะศึกษาและหนุนเสริมการผลิต บริโภค และท่องเที่ยวระดับพื้นที่ให้ยั่งยืนได้อย่างไร ชวนหาคำตอบจากบทสรุปสัมมนาการวิจัยด้านการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืนระดับพื้นที่ Read More »

ชวนรู้จัก ‘Kin Dee You Dee’ เกมที่หวังหนุนเสริมชุมชนให้มีส่วนร่วมตั้งรับปรับตัวต่อความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ

‘เกมและการเล่น’ เป็นกิจกรรมที่ดำเนินมาตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษย์ โดยในอดีตเกมต่าง ๆ จะเล่นเพื่อเน้นเสริมสร้างความสนุกเป็นหลัก แต่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในปัจจุบันมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการริเริ่มคิดเล่น ‘เกมซีเรียส’ (serious game) หรือ “เกมที่มีกระบวนการจำลองโลกเสมือนจริง (simulation) ซึ่งออกแบบมาเพื่อการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทว่าก็ยังคงความเป็นเกมที่ให้ความบันเทิงไปด้วย” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายหลายด้านต่าง ๆ ทั้งเป็นสื่อการเรียนการสอน การออกแบบและวางผังเมือง และเครื่องมือเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ‘Kin Dee You Dee’ เป็นหนึ่งในเกมซีเรียส ที่มีเป้าหมายสำคัญเพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมและการเรียนรู้ของชุมชนเกี่ยวกับการตั้งรับปรับตัวต่อความเสี่ยงที่เกิดจากสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย โดยชุดเกมนี้ถูกพัฒนาขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยที่ชื่อว่า “Planning for Eco-Cities and Climate-Resilient Environments: Building Capacity for Inclusive Planning in the Bangkok Metropolitan Region (PEACE-BMR)” ซึ่งเป็นโครงการวิจัยที่มุ่งสำรวจแนวทางและกลไกการปรับตัวของครัวเรือนและชุมชนต่อวิกฤติจากสภาพภูมิอากาศ ต่อมาได้มีการทดสอบการใช้ชุดเกมเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้นในปี 2561 ก่อนที่การออกแบบและพัฒนาชุดเกมจะเสร็จสิ้นเมื่อเดือนมกราคม 2562 เพื่อศึกษาและทดลองใช้เกม ‘Kin Dee You Dee’ ให้สามารถปรับพัฒนาไปสู่การสร้างประสิทธิภาพและครอบคลุมความต้องการของชุมชนมากขึ้น

ชวนรู้จัก ‘Kin Dee You Dee’ เกมที่หวังหนุนเสริมชุมชนให้มีส่วนร่วมตั้งรับปรับตัวต่อความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ Read More »

TU SDG Seminars | งานวิจัยจะศึกษาและหนุนเสริมการลดความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ได้อย่างไร ชวนหาคำตอบจากบทสรุปสัมมนาการวิจัยด้านการลดความเหลื่อมลํ้าและการสร้างความเป็นธรรมในสังคม

ชวนอ่านบทสรุปการสัมมนาการวิจัยหัวข้อ “การวิจัยระดับพื้นที่เพื่อขับเคลื่อนการลดความเหลื่อมล้ำและการสร้างความเป็นธรรมในสังคม” โดย ผศ.รณรงค์ จันใด และ รศ .ดร.ภาวิณี เอี่ยมตระกูล ซึ่งจัดขึ้นภายใต้เวทีสัมมนาการวิจัยด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ผ่านระบบ Zoom Meeting ด้วยประเด็นที่กล่าวถึงการลดความเหลื่อล้ำเชิงพื้นที่ผ่านการศึกษาวิจัย งานสัมมนาข้างต้นจึงมีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 3 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 10 ลดความเหลื่อมล้ำ เป้าหมายที่ 11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 16 ความสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันเข้มแข็ง 01 – บทสรุปการสัมมนาหัวข้อ “การวิจัยระดับพื้นที่เพื่อขับเคลื่อนการลดความเหลื่อมล้ำและการสร้างความเป็นธรรมในสังคม” การสัมมนาหัวข้อ “การวิจัยระดับพื้นที่เพื่อขับเคลื่อนการลดความเหลื่อมล้ำและการสร้างความเป็นธรรมในสังคม” มีประเด็นสำคัญที่ได้จากการนำเสนอของ ผศ.รณรงค์  ดังนี้ ผศ.รณรงค์ ยังระบุถึงอุปสรรคและความท้าทายของการทำวิจัยในปัจจุบันว่าหน่วยงานของรัฐมีข้อจำกัดหลายประการในการจัดการงานในท้องถิ่น ส่งผลให้แม้จะมีแนวความคิดหรือมีใจในการพัฒนา แต่มักติดกับกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับของหน่วยงาน นอกจากนี้ ความแตกต่างของแต่ละพื้นที่ก็เป็นความท้าทายอีกประการหนึ่ง กล่าวคือ พื้นที่หนึ่งโดดเด่นได้รับการสนับสนุน อีกพื้นที่ไร้กำลังเข้าไม่ถึงโอกาสในการพัฒนา ดังนั้น งานวิจัยในอนาคต หากต้องการให้เกิดความยั่งยืน สิ่งสำคัญคือนักวิจัยควรมุ่งเน้นไปที่พื้นที่ที่ไร้กำลัง พิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้เกิดการพัฒนาได้

TU SDG Seminars | งานวิจัยจะศึกษาและหนุนเสริมการลดความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ได้อย่างไร ชวนหาคำตอบจากบทสรุปสัมมนาการวิจัยด้านการลดความเหลื่อมลํ้าและการสร้างความเป็นธรรมในสังคม Read More »

ชุมชนเมืองในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะนำ ‘ทุนที่มีค่า’ ในชุมชนมาใช้ตั้งรับปรับตัวต่อวิกฤติการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร

กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในปี 2559 มีประชากรรวมราว 10.6 ล้านคน นับว่าเป็นเมืองหลวงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่กลับมีความเสี่ยงในการเผชิญกับวิกฤติการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการจัดการเมืองขาดการประสานเชื่อมโยงกันระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งการวางแผนผังเมือง การดำเนินการเชิงกฎระเบียบ และการใช้ที่ดิน เช่น การพัฒนาโครงการหมู่บ้านจัดสรรซ้อนทับบนพื้นที่โซนสีเขียว ซึ่งกำหนดให้เป็นพื้นที่สำหรับระบายน้ำท่วม ส่งผลให้บ้านเหล่านั้นเสี่ยงภัยน้ำท่วมและขณะเดียวกันก็เป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำของเมือง ซึ่งวิกฤติการณ์น้ำท่วมหนักเมื่อปี 2554 ก็เป็นผลกระทบสำคัญจากนโยบายการวางแผนป้องกันภัยพิบัติที่ขาดประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี แม้จะอาศัยอยู่ในเมืองเดียวกันแต่ฐานะทางเศรษฐกิจก็ทำให้ประชากรเมืองมีความเปราะบางและได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติที่ต่างกันด้วย โดยครัวเรือนที่มีรายได้ระดับปานกลางถึงสูง แม้จะเผชิญผลกระทบจากน้ำท่วมแต่ก็มีมาตรการในการรับมือ เช่น การย้ายที่อยู่ชั่วคราว การสร้างคันกั้นน้ำได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยไม่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์เพื่อสร้างคันกั้นน้ำได้ทันที อีกทั้งยังสูญเสียรายได้รายวันเนื่องจากสถานที่ทำงานถูกปิดและไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้ เฉพาะภัยพิบัติน้ำท่วม ที่ผ่านมาภาครัฐแก้ปัญหาโดยเน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น เขื่อน อุโมงค์ระบายน้ำบริเวณนอกรอบของเมือง มากกว่าการให้ความสำคัญกับการควบคุมการพัฒนา การบูรณะปรับปรุงพื้นที่ชุ่มน้ำ และเสริมสร้างความสามารถในการตั้งรับปรับตัวต่อความเสี่ยงแก่ประชากรเมืองเท่าที่ควร ต่อมาเมื่อปี 2560 กรุงเทพฯ โดยความร่วมมือกับโครงการ 100 Resilient Cities ของมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ ได้พัฒนายุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงในกรุงเทพฯ ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ คือ การลดความเสี่ยงและเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวผ่านการเสริมสร้างศักยภาพแก่ปัจเจกบุคคลและชุมชนในการรับรู้ ปรับตัว และฟื้นคืนกลับจากภัยพิบัติ เพื่อศึกษาความสามารถและเสนอแนวทางหนุนเสริมศักยภาพแก่ปัจเจกและชุมชนเมืองในการนำทุนที่มีค่า (asset) มาปรับใช้ในการตั้งรับปรับตัวจากภัยพิบัติ

ชุมชนเมืองในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะนำ ‘ทุนที่มีค่า’ ในชุมชนมาใช้ตั้งรับปรับตัวต่อวิกฤติการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร Read More »

Funding Opportunities I แนะนำทุนวิจัยที่น่าสนใจด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และด้านการขับเคลื่อนการนำ SDGs ไปปฏิบัติในพื้นที่

สำหรับสัปดาห์นี้ขอแนะนำโครงการและโอกาสของการสนับสนุนด้านเงินทุนและองค์ความรู้ที่สอดคล้องกับการวิจัยระดับแนวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (STI for SDG Research) และด้านการขับเคลื่อนการนำ SDGs ไปปฏิบัติในพื้นที่ (SDG Localization Research) ดังนี้ แหล่งทุน : Bureau of Democracy Human Rights and Labor (DRL) รายละเอียดทุน : DRL ให้ทุนสนับสนุนโครงการที่มีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานทางออนไลน์ผ่านช่องทางที่เปิดกว้าง เชื่อถือได้ และปลอดภัย อินเทอร์เน็ตทั่วโลก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี โดยข้อเสนอจะต้องมีการพัฒนาและดำเนินโครงการเพื่อพัฒนา ปรับปรุง การนำไปใช้ และรักษาเทคโนโลยี open sources ไว้ซึ่งทำหน้าที่เป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับอินเทอร์เน็ตที่เสรีและเปิดกว้าง งบประมาณ : 15-30 ล้านบาท วันสิ้นสุดการเปิดรับสมัคร : 19 เมษายน 2023 ช่องทางการเข้าถึงเพิ่มเติม : https://www.grants.gov/web/grants/view-opportunity.html?oppId=346240 แหล่งทุน : The European Commission

Funding Opportunities I แนะนำทุนวิจัยที่น่าสนใจด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และด้านการขับเคลื่อนการนำ SDGs ไปปฏิบัติในพื้นที่ Read More »

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในแต่ละภาคของไทยเพิ่มขึ้นหรือลดลงมากกว่ากัน

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) เป็นการเคลื่อนย้ายทุนจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งโดยเจ้าของทุนยังมีอำนาจในการดูแลกิจการที่มีการนำทรัพยากรการผลิต แรงงาน และเทคโนโลยีเข้าไปยังประเทศที่ลงทุน นับว่าเป็นหนึ่งในการลงทุนที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ที่ผ่านมา มีงานศึกษาวิจัยจำนวนหนึ่งที่พยายามศึกษาและสำรวจถึงผลกระทบของ ‘การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ’ ต่อความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในประเทศที่เป็นถิ่นฐานการผลิตหรือการบริการ โดยมีโจทย์สำคัญซึ่งเป็นข้อถกเถียงมาอย่างต่อเนื่อง คือ “การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศส่งผลให้ช่องว่างทางรายได้ของคนในประเทศเพิ่มขึ้นหรือลดลง” โดยงานศึกษาวิจัยส่วนหนึ่งเสนอว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศช่วยให้เกิดการกระจายรายได้และการถ่ายโอนเทคโนโลยีในประเทศถิ่นฐานการผลิตหรือบริการ ขณะที่อีกส่วนหนึ่ง เสนอว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทำให้การกระจายรายได้ลดน้อยลง เนื่องจากบรรษัทข้ามชาติโดยส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จำเป็นต้องอาศัยแรงงานมีฝีมือ ขณะเดียวกันการจ่ายค่าจ้างให้แรงงานมีฝีมือก็สูงกว่าแรงงานไร้ฝีมือ จึงมีส่วนทำให้ช่องว่างความไม่เท่าเทียมของรายได้ขยายกว้างขึ้น  สำหรับประเทศไทย เป็นหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนาที่เปิดรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำทางรายได้มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงน่าสนใจว่าความเหลื่อมล้ำดังกล่าวมีความสัมพันธ์หรือเป็นผลกระทบจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือไม่ อย่างไร  อย่างไรก็ดี งานศึกษาวิจัยต่อประเด็นข้างต้นที่ขีดกรอบศึกษาเฉพาะประเทศไทยนั้นนับว่ายังมีน้อย เพื่อเติมเต็มการศึกษา สำรวจ และวิเคราะห์ผลกระทบของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในสังคมไทย ดร.มณฑินี ธีระมังคลานนท์ วิทยาลัยนานาชาติปรีดีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ Eric M.P. Chiu National Chung Hsing University  จึงได้ดำเนินงานวิจัย “The Effects of Foreign Direct Investment on Income Inequality of Thailand” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเชิงลึกและให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสำหรับประเทศไทย

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในแต่ละภาคของไทยเพิ่มขึ้นหรือลดลงมากกว่ากัน Read More »

Funding Opportunities I แนะนำทุนวิจัยที่น่าสนใจด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และด้านการขับเคลื่อนการนำ SDGs ไปปฏิบัติในพื้นที่

สำหรับสัปดาห์นี้ขอแนะนำโครงการและโอกาสของการสนับสนุนด้านเงินทุนและองค์ความรู้ที่สอดคล้องกับการวิจัยระดับแนวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (STI for SDG Research) และด้านการขับเคลื่อนการนำ SDGs ไปปฏิบัติในพื้นที่ (SDG Localization Research) ดังนี้ แหล่งทุน : ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) รายละเอียดทุน : ศลช. สนับสนุนโครงการที่มีขอบเขตการดำเนินการที่ครอบคลุมประเด็นดังต่อไปนี้ งบประมาณ : ไม่ระบุ วันสิ้นสุดการเปิดรับสมัคร : 8 มีนาคม 2023 ช่องทางการเข้าถึงเพิ่มเติม : https://nriis.go.th/NewsEventDetail.aspx?nid=11668 แหล่งทุน : The International Society of Transport Aircraft Trading Foundation (ISTAT Foundation) รายละเอียด : ISTAT มอบทุนสนับสนุนสำหรับองค์กรด้านมนุษยธรรมทั่วโลกที่ใช้ประโยชน์ของการเดินทางโดยเครื่องบินในการดำเนินกิจกรรมหรือโครงการต่างๆที่มีจุดประสงค์เพื่อช่วยชีวิต, ส่งเสริมสวัสดิภาพของมนุษย์ และบรรเทาทุกข์ในด้านต่างๆ งบประมาณ : 1-3 แสนบาท วันสิ้นสุดการเปิดรับสมัคร

Funding Opportunities I แนะนำทุนวิจัยที่น่าสนใจด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และด้านการขับเคลื่อนการนำ SDGs ไปปฏิบัติในพื้นที่ Read More »

Scroll to Top