Inequality

Champion Researcher | ‘Universal Design’ กับ อาจารย์ชุมเขต: นักออกแบบที่เข้าใจมนุษย์และเชื่อในการออกแบบอย่างมีส่วนร่วม

หัวใจสำคัญของสถาปัตยกรรมยุคใหม่อย่างหนึ่งที่กำลังทรงพลังและมีความหมายมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็คือ ‘การออกแบบเพื่อคนทั้งมวล’ หรือ Universal Design ซึ่งเป็นการออกแบบที่เน้นให้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกเงื่อนไข สามารถใช้พื้นที่ร่วมกันได้อย่างเท่าเทียม เมื่อยึดเอาความเท่าเทียมมาเป็นหลักสำคัญ Universal Design จึงเป็นศาสตร์ที่ไม่ได้อาศัยองค์ความรู้ด้านงานออกแบบเพียงอย่างเดียว แต่ยังอาศัยกระบวนการการศึกษาชุมชน การมีส่วนร่วม ไปจนถึงการร่วมมือกับแหล่งความรู้อื่น ๆ อย่างสหวิชาด้วย เพื่อให้เข้าใจถึงความสำคัญของงานด้านอื่น ๆ ใน Universal Design เราจึงขอชวนมาพูดคุยกับ รศ. ดร.ชุมเขต แสวงเจริญ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักวิจัยผู้เชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในเป้าหมายการ ขจัดความยากจน (SDG1) ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียม (SDG10) และเมืองยั่งยืน (SDG11) ผ่านกระบวนการชุมชนและ Universal Design เพื่อให้งานออกแบบนั้นเป็นการออกแบบเพื่อ ‘คนทั้งมวล’ ที่แท้จริง Universal Design การออกแบบที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง “โจทย์ใหญ่ของเราคือการออกแบบให้มนุษย์สามารถเข้าไปใช้งาน ไปรู้สึก ไปรับรู้เกี่ยวกับพื้นที่นั้น ๆ พอเราทำงานกับมนุษย์มากขึ้น โดยเฉพาะการออกแบบพื้นที่สาธารณะ จะพบว่า […]

Champion Researcher | ‘Universal Design’ กับ อาจารย์ชุมเขต: นักออกแบบที่เข้าใจมนุษย์และเชื่อในการออกแบบอย่างมีส่วนร่วม Read More »

พัฒนาแช็ตบอตช่วยค้นหากฎหมายเกี่ยวกับ อปท. ให้ตอบโจทย์และมีประสิทธิภาพได้อย่างไร ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘รศ. ดร.นพพร ลีปรีชานนท์’

ชวนอ่าน “โครงการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ สำหรับค้นหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” โดย  รศ. ดร.นพพร ลีปรีชานนท์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนของสถาบันพระปกเกล้า และสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) การช่วยผู้ประสบปัญหาเรื่องเกี่ยวกับข้อกฎหมายให้สามารถหาคำตอบในเบื้องต้นได้นั้น หน่วยงานที่ให้บริการให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายจะมีการให้บริการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ เพื่อให้บริการปรึกษาด้านกฎหมาย ทว่ามีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ความล่าช้าในการตอบคำถาม ซึ่งเมื่อผู้ให้คำปรึกษาไม่มีความรู้เพียงพอ จึงต้องรอผู้เชี่ยวชาญตอบคำถาม และบ่อยครั้งที่ผู้เชี่ยวชาญไม่มีเวลาตอบ ซึ่งบางครั้งเป็นคำถามที่มีการถามซ้ำจากหลายบุคคลที่มีปัญหาเดียวกัน แต่ไม่มีการจดบันทึกรวบรวมไว้อย่างเป็นระบบ ทำให้ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นการให้บริการต้องใช้มนุษย์ในการนั่งรอโทรศัพท์เพื่อตอบคำถามซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงและมีความไม่แน่นอน  เพื่อแก้ปัญหาการใช้มนุษย์ตอบคำถาม จึงมีความพยายามนำเทคโนโลยีมาช่วยในการพัฒนาการให้บริการ เช่น ระบบโทรศัพท์แบบตอบรับอัตโนมัติ ซึ่งสามารถให้บริการได้ตลอดเวลา แต่เนื่องจากการใช้ระบบโทรศัพท์แบบตอบรับอัตโนมัตินั้น เมื่อผู้ถามโทรเข้าไปใช้ระบบ ระบบจะทำการถามคำถามและตัวเลือกของคำตอบตามลำดับที่ได้เตรียมไว้ ซึ่งการที่ต้องฟังคำถามและตัวเลือกคำตอบที่มีความยาวนั้นเป็นภาระให้กับผู้ใช้ อาจมีความผิดพลาดในการฟังจากผู้ใช้ และมีค่าใช้จ่ายสูง การใช้ระบบนี้จึงไม่เหมาะนัก  เพื่อช่วยแก้ปัญหาข้างต้น รศ. ดร.นพพร ร่วมกับวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า จึงดำเนินการวิจัยข้างต้น โดยมีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ  จึงนับว่าเป็นงานวิจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 2 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 9 และเป้าหมายที่ 16 ความสงบสุข ยุติธรรม

พัฒนาแช็ตบอตช่วยค้นหากฎหมายเกี่ยวกับ อปท. ให้ตอบโจทย์และมีประสิทธิภาพได้อย่างไร ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘รศ. ดร.นพพร ลีปรีชานนท์’ Read More »

อิทธิพลใดที่มีผลต่อพฤติกรรมการเลือกใช้ ‘Metro-Bus’ ค้นหาคำตอบผ่านการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มผู้มีรายได้ ในเมืองลาฮอร์ ประเทศปากีสถาน

ปัจจุบัน ประชากรในเขตเมืองนั้นมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนต้องพึ่งพายานพาหนะในการเดินทางและสัญจรมากขึ้น และเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง ทำให้ประชากรบางส่วนเลือกพึ่งพาการใช้รถยนต์ส่วนตัวมากกว่าระบบขนส่งสาธารณะ กลายเป็นการสร้างความแออัดทางการจราจรในที่สุด เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงจำเป็นต้องกลับมาพิจารณาว่าผู้คนมีพฤติกรรมและทัศนคติในการเลือกใช้ระบบขนส่งสาธารณะภายในเมืองเช่นไร ด้วยประเด็นข้างต้นนำมาสู่การค้นคว้าของงานวิจัยเรื่อง “Influence of Social Constraints, Mobility Incentives, and Restrictions on Commuters’ Behavioral Intentions and Moral Obligation towards the Metro-Bus Service in Lahore” โดย Muhammad Ashraf Javid Department of Civil Engineering, NFC Institute of Engineering and Fertiliser Research , Nazam Ali University of Management and Technology, Tiziana Campisi

อิทธิพลใดที่มีผลต่อพฤติกรรมการเลือกใช้ ‘Metro-Bus’ ค้นหาคำตอบผ่านการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มผู้มีรายได้ ในเมืองลาฮอร์ ประเทศปากีสถาน Read More »

ชวนรู้จัก ‘Kin Dee You Dee’ เกมที่หวังหนุนเสริมชุมชนให้มีส่วนร่วมตั้งรับปรับตัวต่อความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ

‘เกมและการเล่น’ เป็นกิจกรรมที่ดำเนินมาตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษย์ โดยในอดีตเกมต่าง ๆ จะเล่นเพื่อเน้นเสริมสร้างความสนุกเป็นหลัก แต่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในปัจจุบันมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการริเริ่มคิดเล่น ‘เกมซีเรียส’ (serious game) หรือ “เกมที่มีกระบวนการจำลองโลกเสมือนจริง (simulation) ซึ่งออกแบบมาเพื่อการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทว่าก็ยังคงความเป็นเกมที่ให้ความบันเทิงไปด้วย” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายหลายด้านต่าง ๆ ทั้งเป็นสื่อการเรียนการสอน การออกแบบและวางผังเมือง และเครื่องมือเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ‘Kin Dee You Dee’ เป็นหนึ่งในเกมซีเรียส ที่มีเป้าหมายสำคัญเพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมและการเรียนรู้ของชุมชนเกี่ยวกับการตั้งรับปรับตัวต่อความเสี่ยงที่เกิดจากสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย โดยชุดเกมนี้ถูกพัฒนาขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยที่ชื่อว่า “Planning for Eco-Cities and Climate-Resilient Environments: Building Capacity for Inclusive Planning in the Bangkok Metropolitan Region (PEACE-BMR)” ซึ่งเป็นโครงการวิจัยที่มุ่งสำรวจแนวทางและกลไกการปรับตัวของครัวเรือนและชุมชนต่อวิกฤติจากสภาพภูมิอากาศ ต่อมาได้มีการทดสอบการใช้ชุดเกมเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้นในปี 2561 ก่อนที่การออกแบบและพัฒนาชุดเกมจะเสร็จสิ้นเมื่อเดือนมกราคม 2562 เพื่อศึกษาและทดลองใช้เกม ‘Kin Dee You Dee’ ให้สามารถปรับพัฒนาไปสู่การสร้างประสิทธิภาพและครอบคลุมความต้องการของชุมชนมากขึ้น

ชวนรู้จัก ‘Kin Dee You Dee’ เกมที่หวังหนุนเสริมชุมชนให้มีส่วนร่วมตั้งรับปรับตัวต่อความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ Read More »

TU SDG Seminars | เจาะลึกแนวทางในการส่งเสริมการศึกษาและความรู้ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ และการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเปราะบาง – ชวนหาคำตอบจากบทสรุปการสัมมนาการวิจัยด้านการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม

ชวนอ่านบทสรุปการสัมมนา ครั้งที่ 2 หัวข้อ “การวิจัยด้านการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม” โดย ผศ. ดร.วสิศ ลิ้มประเสริฐ วิทยาลัยสหวิทยาการ และ รศ. ดร.ชุมเขต แสวงเจริญ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อร่วมกันนำเสนอผลงานวิจัยและแลกเปลี่ยนความคิด โดยแบ่งประเด็นการพูดคุยออกเป็น 3 ส่วน คือ 1) ความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยผ่านมุมมองของ ผศ. ดร.วสิศ ลิ้มประเสริฐ 2) การนำเสนอผลงานวิจัยที่ผ่านมา การแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น และหัวข้อการวิจัยในอนาคต และ 3) ช่วงถามตอบประเด็นการวิจัยจากผู้เข้าร่วมในห้องสัมมนา ซึ่งจัดขึ้นภายใต้เวทีสัมมนาการวิจัยด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ผ่านระบบ Zoom Meeting ด้วยประเด็นที่กล่าวถึงการให้ความสำคัญกับการศึกษาวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา การเข้าถึงความรู้และทรัพยากร รวมถึงคุณภาพชีวิตของกลุ่มเปราะบาง จึงสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 5 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 1 ขจัดความยากจน

TU SDG Seminars | เจาะลึกแนวทางในการส่งเสริมการศึกษาและความรู้ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ และการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเปราะบาง – ชวนหาคำตอบจากบทสรุปการสัมมนาการวิจัยด้านการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม Read More »

TU SDG Seminars | งานวิจัยจะศึกษาและหนุนเสริมการลดความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ได้อย่างไร ชวนหาคำตอบจากบทสรุปสัมมนาการวิจัยด้านการลดความเหลื่อมลํ้าและการสร้างความเป็นธรรมในสังคม

ชวนอ่านบทสรุปการสัมมนาการวิจัยหัวข้อ “การวิจัยระดับพื้นที่เพื่อขับเคลื่อนการลดความเหลื่อมล้ำและการสร้างความเป็นธรรมในสังคม” โดย ผศ.รณรงค์ จันใด และ รศ .ดร.ภาวิณี เอี่ยมตระกูล ซึ่งจัดขึ้นภายใต้เวทีสัมมนาการวิจัยด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ผ่านระบบ Zoom Meeting ด้วยประเด็นที่กล่าวถึงการลดความเหลื่อล้ำเชิงพื้นที่ผ่านการศึกษาวิจัย งานสัมมนาข้างต้นจึงมีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 3 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 10 ลดความเหลื่อมล้ำ เป้าหมายที่ 11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 16 ความสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันเข้มแข็ง 01 – บทสรุปการสัมมนาหัวข้อ “การวิจัยระดับพื้นที่เพื่อขับเคลื่อนการลดความเหลื่อมล้ำและการสร้างความเป็นธรรมในสังคม” การสัมมนาหัวข้อ “การวิจัยระดับพื้นที่เพื่อขับเคลื่อนการลดความเหลื่อมล้ำและการสร้างความเป็นธรรมในสังคม” มีประเด็นสำคัญที่ได้จากการนำเสนอของ ผศ.รณรงค์  ดังนี้ ผศ.รณรงค์ ยังระบุถึงอุปสรรคและความท้าทายของการทำวิจัยในปัจจุบันว่าหน่วยงานของรัฐมีข้อจำกัดหลายประการในการจัดการงานในท้องถิ่น ส่งผลให้แม้จะมีแนวความคิดหรือมีใจในการพัฒนา แต่มักติดกับกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับของหน่วยงาน นอกจากนี้ ความแตกต่างของแต่ละพื้นที่ก็เป็นความท้าทายอีกประการหนึ่ง กล่าวคือ พื้นที่หนึ่งโดดเด่นได้รับการสนับสนุน อีกพื้นที่ไร้กำลังเข้าไม่ถึงโอกาสในการพัฒนา ดังนั้น งานวิจัยในอนาคต หากต้องการให้เกิดความยั่งยืน สิ่งสำคัญคือนักวิจัยควรมุ่งเน้นไปที่พื้นที่ที่ไร้กำลัง พิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้เกิดการพัฒนาได้

TU SDG Seminars | งานวิจัยจะศึกษาและหนุนเสริมการลดความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ได้อย่างไร ชวนหาคำตอบจากบทสรุปสัมมนาการวิจัยด้านการลดความเหลื่อมลํ้าและการสร้างความเป็นธรรมในสังคม Read More »

ชุมชนเมืองในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะนำ ‘ทุนที่มีค่า’ ในชุมชนมาใช้ตั้งรับปรับตัวต่อวิกฤติการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร

กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในปี 2559 มีประชากรรวมราว 10.6 ล้านคน นับว่าเป็นเมืองหลวงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่กลับมีความเสี่ยงในการเผชิญกับวิกฤติการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการจัดการเมืองขาดการประสานเชื่อมโยงกันระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งการวางแผนผังเมือง การดำเนินการเชิงกฎระเบียบ และการใช้ที่ดิน เช่น การพัฒนาโครงการหมู่บ้านจัดสรรซ้อนทับบนพื้นที่โซนสีเขียว ซึ่งกำหนดให้เป็นพื้นที่สำหรับระบายน้ำท่วม ส่งผลให้บ้านเหล่านั้นเสี่ยงภัยน้ำท่วมและขณะเดียวกันก็เป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำของเมือง ซึ่งวิกฤติการณ์น้ำท่วมหนักเมื่อปี 2554 ก็เป็นผลกระทบสำคัญจากนโยบายการวางแผนป้องกันภัยพิบัติที่ขาดประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี แม้จะอาศัยอยู่ในเมืองเดียวกันแต่ฐานะทางเศรษฐกิจก็ทำให้ประชากรเมืองมีความเปราะบางและได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติที่ต่างกันด้วย โดยครัวเรือนที่มีรายได้ระดับปานกลางถึงสูง แม้จะเผชิญผลกระทบจากน้ำท่วมแต่ก็มีมาตรการในการรับมือ เช่น การย้ายที่อยู่ชั่วคราว การสร้างคันกั้นน้ำได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยไม่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์เพื่อสร้างคันกั้นน้ำได้ทันที อีกทั้งยังสูญเสียรายได้รายวันเนื่องจากสถานที่ทำงานถูกปิดและไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้ เฉพาะภัยพิบัติน้ำท่วม ที่ผ่านมาภาครัฐแก้ปัญหาโดยเน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น เขื่อน อุโมงค์ระบายน้ำบริเวณนอกรอบของเมือง มากกว่าการให้ความสำคัญกับการควบคุมการพัฒนา การบูรณะปรับปรุงพื้นที่ชุ่มน้ำ และเสริมสร้างความสามารถในการตั้งรับปรับตัวต่อความเสี่ยงแก่ประชากรเมืองเท่าที่ควร ต่อมาเมื่อปี 2560 กรุงเทพฯ โดยความร่วมมือกับโครงการ 100 Resilient Cities ของมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ ได้พัฒนายุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงในกรุงเทพฯ ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ คือ การลดความเสี่ยงและเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวผ่านการเสริมสร้างศักยภาพแก่ปัจเจกบุคคลและชุมชนในการรับรู้ ปรับตัว และฟื้นคืนกลับจากภัยพิบัติ เพื่อศึกษาความสามารถและเสนอแนวทางหนุนเสริมศักยภาพแก่ปัจเจกและชุมชนเมืองในการนำทุนที่มีค่า (asset) มาปรับใช้ในการตั้งรับปรับตัวจากภัยพิบัติ

ชุมชนเมืองในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะนำ ‘ทุนที่มีค่า’ ในชุมชนมาใช้ตั้งรับปรับตัวต่อวิกฤติการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร Read More »

TU SDG Seminars | สะท้อนความคิดและการศึกษางานวิจัยความยากจน มีอุปสรรคและความท้าทายอย่างไร – ชวนหาคำตอบจากบทสรุปการสัมมนาการวิจัยด้านการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม

ชวนอ่านบทสรุปการสัมมนา ครั้งที่ 2 หัวข้อ “การวิจัยด้านการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม” โดย รศ. ดร.ณัฐพงษ์ พัฒนพงษ์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในกลุ่มการวิจัยเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย SDGs ในระดับชาติและภูมิภาค (policy) เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดและนำเสนองานวิจัยของนักวิจัยแนวหน้า โดยแบ่งประเด็นการแลกเปลี่ยนออกเป็น 3 ส่วน คือ 1) ฉายภาพรวมกระบวนการในห้องย่อย พร้อมส่องประเด็นจากกิจกรรมการประชุมปฏิบัติการ และ 2) ทบทวนประเด็นสำคัญจากงานวิจัยที่เกี่ยวกับ ‘การลดความเหลื่อมล้ำ’ ของนักวิจัยแนวหน้า และ 3) ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองจากกระบวนในห้องย่อยระหว่างนักวิจัย – ผู้เข้าร่วมสัมมนา ซึ่งจัดขึ้นภายใต้เวทีสัมมนาการวิจัยด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ผ่านระบบ Zoom Meeting ด้วยประเด็นที่กล่าวถึงการให้ความสำคัญกระบวนการวิจัยเชิงนโยบาย และข้อเสนอเชิงนโยบายในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการลดความเหลื่อมล้ำ งานสัมมนาจากประเด็นการแลกเปลี่ยนทั้ง 3 ส่วน จึงมีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 4 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 1 ขจัดความยากจน เป้าหมายที่ 8

TU SDG Seminars | สะท้อนความคิดและการศึกษางานวิจัยความยากจน มีอุปสรรคและความท้าทายอย่างไร – ชวนหาคำตอบจากบทสรุปการสัมมนาการวิจัยด้านการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม Read More »

ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพ การประเมินเชิงพื้นที่ของจังหวัดอุบลราชธานีผ่านการประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์

การบรรลุความเท่าเทียมในการเข้าถึงระบบบริการสุขภาพถือเป็นเป้าหมายนโยบายที่สำคัญต่อสุขภาวะของประชากรโดยรวมในทุกประเทศ และเป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ที่กำหนดโดยองค์การสหประชาชาติ (United Nations) การปรับปรุงความสามารถในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาคจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการบรรลุ SDGs แต่ทว่าการตรวจสอบและประเมินการเข้าถึงบริการสุขภาพนั้นค่อนข้างซับซ้อน หลายประเทศยังคงเผชิญกับความท้าทายในการเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงการรักษาพยาบาล ในการศึกษาการลดความเหลื่อมล้ำของการเข้าถึงบริการสุขภาพ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (geographic information system: GIS) ได้ถูกนำมาใช้เพื่อวิเคราะห์ความต้องการด้านการรักษาพยาบาล การเข้าถึง และการได้รับประโยชน์จากบริการสุขภาพ โดยเชื่อมโยงความหลากหลายของประชากรกับข้อมูลสิ่งแวดล้อม เพื่อวิเคราะห์และกำหนดลักษณะความต้องการในมิติต่าง ๆ จากการศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า อุปสรรคทางภูมิศาสตร์ในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลทำให้การได้รับประโยชน์จากบริการสุขภาพลดลง ลดการเข้าถึงบริการเชิงป้องกัน และลดอัตราการรอดชีวิต ซึ่งอาจส่งผลให้ผลลัพธ์ด้านสุขภาพแย่ลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ห่างไกลจากสถานพยาบาล รวมถึงไม่ได้รับประโยชน์จากการรักษาเฉพาะทาง เช่น การตรวจคัดกรองมะเร็ง และศูนย์แม่และเด็ก ซึ่งมักพบในเมืองใหญ่มากกว่า จึงไม่สามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทและชุมชนห่างไกล แม้ว่าประชาชนทุกคนควรได้รับบริการด้านสุขภาพอย่างเท่าเทียมกัน แต่ในทางปฏิบัติยังมีความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากทรัพยากรทางการแพทย์ที่มีจำกัด เช่น สถานพยาบาล หรือบุคลากรในวิชาชีพด้านการรักษาพยาบาล รวมถึงอุปสรรคทางภูมิศาสตร์ ดังนั้น คลินิกสุขภาพเคลื่อนที่ (mobile health clinic) จึงเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่ได้รับการยอมรับ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงบริการสุขภาพ สนับสนุนและบรรเทาความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพในพื้นที่ยากลำบากและด้อยโอกาส โดยนำระบบดูแลสุขภาพออกจากโรงพยาบาลไปสู่ประชาชน รูปแบบการให้บริการสุขภาพนี้สามารถขยายการเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม

ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพ การประเมินเชิงพื้นที่ของจังหวัดอุบลราชธานีผ่านการประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ Read More »

สำรวจแนวทางผลักดัน ‘เกาะสมุย’ เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ผ่านงานวิจัยของ ‘รศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ และคณะ’

ชวนอ่านงานวิจัย “การสำรวจภารกิจและงบประมาณของส่วนราชการในพื้นที่เกาะสมุย: การศึกษาเพื่อเตรียมข้อมูลสนับสนุนสำหรับการพัฒนาพื้นที่เกาะสมุย เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ” โดย รศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ สุทธิเกียรติ อังกาบูรณะ สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนของสถาบันพระปกเกล้าและสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) เกาะสมุย เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย รองจากเกาะภูเก็ตและเกาะช้าง อีกทั้งยังเป็นเกาะที่มีการขยายตัวและเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละปีมีรายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 12,000 – 18,000 ล้านบาทต่อปี นับเป็นรายได้ที่สูงเป็นลำดับที่ 6 ของรายได้จากแหล่งท่องเที่ยวของไทย ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนของชาวเกาะสมุยก็สูงกว่า 50,000 บาท ต่อเดือน  อย่างไรก็ดี การเติบโตทางเศรษฐกิจและการขยายตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวข้างต้นกลับก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม หลายประการ อาทิ ปัญหาสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม ปัญหาสวัสดิการและคุณภาพชีวิต ปัญหาด้านสาธารณูปโภค ปัญหาด้านโครงสร้างหน้าที่ รวมถึงการบริหารงบประมาณของเทศบาลนครเกาะสมุยกับหน่วยงานราชการบริหารส่วนกลางและส่วนภูมิภาคที่ยังขาดการบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพ  สภาพปัญหาดังกล่าว ส่งผลให้มีการทบทวนบทบาทของเทศบาลนครเกาะสมุย ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับท้องถิ่นที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนภายในพื้นที่เกาะสมุยจะต้องเข้ามาเป็นผู้มีบทบาทหลักและมีอำนาจสูงสุดในการขับเคลื่อนการพัฒนาและส่งมอบบริการสาธารณะต่าง ๆ ในพื้นที่เกาะสมุยเพื่อตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และความต้องการที่หลากหลายของประชาชนชาวเกาะสมุย โดยที่หน่วยงานราชการบริหารส่วนกลางและหน่วยงานราชการบริการส่วนภูมิภาคควรทำหน้าที่เป็นผู้ให้การสนับสนุนในการดำเนินภารกิจด้านการพัฒนาและส่งมอบบริการสาธารณะต่าง ๆ ในพื้นที่เกาะสมุย มากกว่าเป็นหน่วยงานหลักที่จะเข้าไปดำเนินภารกิจด้านการพัฒนาและส่งมอบบริการสาธารณะต่าง

สำรวจแนวทางผลักดัน ‘เกาะสมุย’ เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ผ่านงานวิจัยของ ‘รศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ และคณะ’ Read More »

Scroll to Top