SDG17

ธรรมศาสตร์ ร่วมกับ พรินส์ตันจัดสัมมนา “Net Zero Thailand: มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในประเทศไทย”

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับ ศูนย์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอันลิงเกอร์ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน จัดการสัมมนาสาธารณะในชื่อ “Net Zero Thailand: มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในประเทศไทย โดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกจากสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย และการประยุกต์ใช้สำหรับประเทศไทย” (Toward Net Zero Thailand with Insights from the US & Australia and Application for Thailand)  เพื่อแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกหวังนำไปสู่การวิเคราะห์แนวทางในการบรรลุพันธสัญญาด้านสภาพภูมิอากาศ และยืนยันความร่วมมือระหว่างสองมหาวิทยาลัย วันที่ 20 มกราคม 2566 เวลา 09:00 – 11:00 น. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับ ศูนย์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอันลิงเกอร์ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Andlinger center for energy and the environment) จัดการสัมมนาสาธารณะ “Net Zero Thailand: มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในประเทศไทย โดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกจากสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย และการประยุกต์ใช้สำหรับประเทศไทย” […]

ธรรมศาสตร์ ร่วมกับ พรินส์ตันจัดสัมมนา “Net Zero Thailand: มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในประเทศไทย” Read More »

ตัวแบบการบูรณาการภารกิจรัฐในพื้นที่จังหวัดและเครื่องมือสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง มีอะไรบ้าง? ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘รศ.ดร.วสันต์ เหลืองประภัสร์’

ชวนอ่านงานวิจัย “การศึกษาการจัดทำต้นแบบความร่วมมือในการบูรณาการภารกิจรัฐในพื้นที่จังหวัด” โดย รศ.ดร.วสันต์ เหลืองประภัสร์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับการสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เผยแพร่ผ่านสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) โดยหลักการในทางปฏิบัติ การบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดต้องเป็นไปตามแผนพัฒนาจังหวัด และต้องสร้างโอกาสและส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในจังหวัด เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันและการแก้ไขปัญหาร่วมกันเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และกระจายอำนาจการตัดสินใจลงไปสู่ระดับผู้ปฏิบัติ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการปฏิบัติราชการ เพื่อสร้างความร่วมมือในการบูรณาการในแต่ละพื้นที่จังหวัด ให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระดับชาติ การพัฒนาระดับสาขา กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาภาค และความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นจังหวัด จึงเป็นที่มาของการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์คือ โครงการการศึกษาการจัดทำต้นแบบความร่วมมือในการบูรณาการภารกิจรัฐในพื้นที่จังหวัด ของ รศ.ดร.วสันต์ จึงสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 2 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน และเป้าหมายที่ 17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน สำหรับการบูรณาการในพื้นที่ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โครงการวิจัยนี้มีขอบเขตการศึกษาข้อมูลเชิงลึกในพื้นที่กรณีศึกษา 2 กรณี ได้แก่ ผลการศึกษาของโครงการวิจัยได้นำเสนอตัวแบบการบูรณาการภารกิจรัฐในพื้นที่จังหวัดและเครื่องมือสนับสนุน ดังนี้ กล่าวโดยสรุป หัวใจสำคัญของตัวแบบการบูรณาการภารกิจรัฐในพื้นที่จังหวัดทั้งในด้านการพัฒนาเมืองและด้านการจัดการภัยพิบัติอุทกภัยนั้น ได้แก่ การแสวงหาแนวทางและเครื่องมือในการจัดการกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวแสดงต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมซึ่งอยู่ในสภาพแตกกระจายไปสู่ความร่วมมือและการบูรณาการดำเนินงานร่วมกัน ซึ่งกระบวนการที่จะนำไปสู่สภาวการณ์ใหม่ที่เป็นฐานคิดของตัวแบบเพื่อการบูรณาการนั้น

ตัวแบบการบูรณาการภารกิจรัฐในพื้นที่จังหวัดและเครื่องมือสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง มีอะไรบ้าง? ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘รศ.ดร.วสันต์ เหลืองประภัสร์’ Read More »

แนวทางการพัฒนาคุณภาพการดำเนินงานของ “กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน” เป็นอย่างไร? ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘รศ. ดร.อุรุยา วีสกุล’

ชวนอ่านงานวิจัย “พัฒนาและปรับปรุงคุณภาพการดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปี 2561” โดย รศ. ดร.อุรุยา วีสกุล ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เผยแพร่ผ่านสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 มาตรา 24 ให้จัดตั้งกองทุนหมุนเวียนขึ้นกองทุนหนึ่ง เรียกว่า “กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน” ในกระทรวงพลังงาน เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนและค่าใช้จ่ายช่วยเหลือหรืออุดหนุนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน และมีการจัดตั้งหน่วยบริหารกองทุนชื่อว่า สำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ส.กทอ.) สำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มีหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน และเสนอแนะนโยบาย ยุทธศาสตร์ และพัฒนากลยุทธ์การบริหารจัดการกองทุน จัดสรรเงินกองทุนให้เป็นไปตามแนวทางและนโยบายของรัฐบาล ในการขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส น่าเชื่อถือ และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ รวมถึงจัดให้มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อใช้ในการบริหารจัดการกองทุน เพื่อพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน รศ. ดร.อุรุยา จึงดำเนินโครงการศึกษาวิจัย โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ .ซึ่งการศึกษาวิจัยในครั้งนี้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 2 เป้าหมาย ได้แก่

แนวทางการพัฒนาคุณภาพการดำเนินงานของ “กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน” เป็นอย่างไร? ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘รศ. ดร.อุรุยา วีสกุล’ Read More »

สำรวจบทบาทของศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรมและศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษา ในการร่วมมือและพัฒนากลยุทธ์เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทย

กลยุทธ์บ่มเพาะธุรกิจเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยลดอัตราความล้มเหลวของธุรกิจขนาดย่อมและช่วยสนับสนุนธุรกิจที่เติบโต ซึ่งจะส่งผลให้การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น สำหรับประเทศไทยเริ่มขยับขับเคลื่อนการส่งเสริมการพัฒนาผู้ประกอบการและสนับสนุนการสร้างธุรกิจใหม่ต่อเนื่องมาตั้งแต่หลังจากวิกฤติทางการเงินในเอเชีย ปี 2540 หรือ “วิกฤติต้มยำกุ้ง” ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญคือการเปลี่ยนจากเศรษฐกิจที่มีรายได้ปานกลางระดับล่างไปสู่เศรษฐกิจที่มีรายได้ปานกลางระดับบน ทั้งนี้ หนึ่งในกลยุทธ์ที่น่าสนใจของการบ่มเพาะธุรกิจ นั่นคือการใช้ศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรมและศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษาเป็นหัวเรือหลักในการอบรมและเผยแพร่ความรู้ และประสานงานระหว่างภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะรัฐบาล มหาวิทยาลัย และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการประสานความร่วมมือไตรภาคี (triple helix) ที่จะสร้างพลังในการผลักดันให้ผู้ประกอบการมีทักษะความรู้ที่ครอบคลุม เข้าถึงเครื่องมือได้สะดวก และสามารถเข้าสู่ตลาดธุรกิจ นวัตกรรม และเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้น เพื่อศึกษา วิเคราะห์ และพัฒนาแนวทางดำเนินการของศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรมและศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและสามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้ได้ ศ. ดร.จารุณี วงศ์ลิมปิยะรัตน์ วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงได้ดำเนินงานวิจัย “The innovation incubator, university business incubator and technology transfer strategy: The case of Thailand” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์กลยุทธ์การบ่มเพาะธุรกิจและทบทวนบทบาทของศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรม (innovation incubator) และศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษา (university business incubator: UBI) ในการสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการในประเทศไทย  ด้วยประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและร่วมมือพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจ นวัตกรรม และเทคโนโลยี

สำรวจบทบาทของศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรมและศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษา ในการร่วมมือและพัฒนากลยุทธ์เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทย Read More »

เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ภาคอุตสาหกรรมจะพัฒนาระบบ ‘Big Data’ ได้อย่างไร ชวนค้นหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘ผศ. ดร.พาณุวงศ์ คัมภิรารักษ์ และคณะ’

ชวนอ่านงานวิจัย “พัฒนาระบบการจัดการฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม” โดย ผศ. ดร.พาณุวงศ์ คัมภิรารักษ์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ดำเนินงานผ่านสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC)   สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานที่เป็นเสมือนคลังสมอง (Think Tank) ของกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) จึงมีภารกิจสำคัญในการจัดทำและผลักดันข้อเสนอแนะ นโยบาย แผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน แต่ปัจจุบันอุตสาหกรรมอยู่ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทำให้การกำหนดนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมจำเป็นต้องรู้เท่าทันกับสถานการณ์หรือปัจจัยต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น และด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การติดตามความเคลื่อนไหวสถานการณ์ต่าง ๆ สามารถทำได้แบบ Real Time และเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายใหญ่มากขึ้น กลายเป็นข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ดังนั้น กระบวนการติดตามสถานการณ์อุตสาหกรรมและการจัดทำนโยบายจึงต้องปรับเปลี่ยนให้เท่าทันต่อเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการเสริมศักยภาพการทำงาน รวมถึงใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีในระบบมาบูรณาการฐานข้อมูลของหน่วยงานภายในของกระทรวงอุตสาหกรรม จึงนับว่าเป็นงานวิจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 2 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 9 โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และอุตสาหกรรม และเป้าหมายที่ 17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ผศ. ดร.พาณุวงศ์

เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ภาคอุตสาหกรรมจะพัฒนาระบบ ‘Big Data’ ได้อย่างไร ชวนค้นหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘ผศ. ดร.พาณุวงศ์ คัมภิรารักษ์ และคณะ’ Read More »

ภาคพลังงานไทยจะร่วมจำกัดอุณหภูมิโลกให้ต่ำกว่า 1.5 องศาเซลเซียสได้หรือไม่ อะไรคือปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญ

ภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาท้าทายของโลกมาอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในสาเหตุสำคัญ คือ กิจกรรมที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อาทิ การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล การทำฟาร์ม และการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งที่ผ่านมามีความพยายามจากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งระดับภูมิภาคและระดับโลกในการออกแบบนโยบาย มาตรการ ข้อผูกพัน และความร่วมมือเพื่อควบคุมและแก้ปัญหาไม่ให้พื้นผิวโลกร้อนขึ้น โดยหนึ่งในความพยายามที่สำคัญและเป็นโจทย์ความร่วมมือระหว่างประเทศนั่นคือ ความตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งมีเป้าหมายท้าทายหลายประการ อาทิ รักษาอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส เหนืออุณหภูมิในช่วงก่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม และพยายามจำกัดให้อุณภูมิโลกต่ำกว่านั้นประมาณ 1.5 องศาเซลเซียส การจำกัดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ให้อยู่ในระดับเดียวกับที่ต้นไม้ ดิน และมหาสมุทรสามารถดูดซับได้ โดยจะเริ่มในช่วงเวลาระหว่างปี 2593 และ 2643 และการทบทวนการมีส่วนร่วมของแต่ละประเทศในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทุก ๆ 5 ปี เพื่อกระตุ้นให้เกิดความพยายามยิ่งขึ้น ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ให้สัตยาบันร่วมเป็นภาคีความตกลงดังกล่าว โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศว่า “การเข้าเป็นภาคีความตกลงปารีสเป็นก้าวที่สำคัญยิ่งก้าวหนึ่งของไทย ประเทศไทยเข้าร่วมเพราะตระหนักในความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคนที่จะรักษาโลกนี้ไว้ให้กับลูกหลาน…เจตนารมณ์อันแน่วแน่ของประเทศไทยในการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และมีความต้านทานต่อสภาพภูมิอากาศ” การขับเคลื่อนสังคมไทยให้เปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำเพื่อร่วมจำกัดอุณภูมิโลกต่ำกว่านั้นประมาณ 1.5 องศาเซลเซียส จึงเป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาล ภาคเอกชน และภาคส่วนอื่น

ภาคพลังงานไทยจะร่วมจำกัดอุณหภูมิโลกให้ต่ำกว่า 1.5 องศาเซลเซียสได้หรือไม่ อะไรคือปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญ Read More »

ชวนสำรวจแหล่งกำเนิดและแนวทางลดฝุ่นละอองในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ ต.หน้าพระลาน จ.สระบุรี จากงานวิจัยของ ‘ผศ.ดร.ธงชัย ขนาบแก้ว’

ชวนอ่านงานวิจัย “โครงการศึกษาเพื่อหาแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ ตำบลหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี และพื้นที่โดยรอบเขตควบคุมมลพิษในรัศมีไม่เกิน 10 กิโลเมตร” โดย ผศ.ดร.ธงชัย ขนาบแก้ว คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC)  ปัญหามลพิษทางอากาศโดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก ได้แก่ PM10 และ PM2.5 เป็นปัญหาสำคัญในพื้นที่ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ซึ่งส่งผลกระทบตรงต่อสุขภาพของประชาชนและเป็นปัญหาที่สะสมต่อเนื่องมายาวนาน หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมควบคุมมลพิษ ได้ติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศถาวรในพื้นที่ตำบลหน้าพระลาน (24t) อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี เพื่อเฝ้าระวังและติดตามปริมาณความเข้มข้นของฝุ่นละออง รวมถึงมลพิษทางอากาศชนิดอื่น ๆ พร้อมทั้งจัดทำมาตรการร่วมกับหน่วยงานและสถานประกอบการในพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังคงพบว่าสถานการณ์จำนวนวันที่ฝุ่นละออง โดยเฉพาะ PM10 มีค่าสูงเกินค่ามาตรฐานยังคงเกิดขึ้นติดต่อกัน โดยเฉพาะช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน – เมษายน ของทุกปี จากข้อมูลการศึกษาของพื้นที่ที่ผ่านมาพบว่า แหล่งกำเนิดฝุ่นละอองจากภาคอุตสาหกรรมและการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองจากกิจกรรมของของสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมืองแร่และเหมืองหิน รวมถึงการคมนาคมขนส่ง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ระดับความเข้มข้นที่ตรวจวัดได้มีค่าสูง การจัดการและควบคุมการปล่อยมลพิษ PM10 และ PM2.5 จากแหล่งกำเนิดเหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องพิจารณาดำเนินการเพื่อลดระดับความเข้มข้นของฝุ่นละอองลงมา และพัฒนาแนวทางและมาตรการเพื่อควบคุมและลดการปล่อย PM10

ชวนสำรวจแหล่งกำเนิดและแนวทางลดฝุ่นละอองในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ ต.หน้าพระลาน จ.สระบุรี จากงานวิจัยของ ‘ผศ.ดร.ธงชัย ขนาบแก้ว’ Read More »

ความพยายามลดโลกร้อนของไทยเป็นอย่างไร ส่องแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจก ตามหมุดหมายของ ‘ความตกลงปารีส’

ความตกลงปารีส (Paris Agreement) เกิดจากจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยมีเป้าหมายที่ท้าทาย คือ การรักษาอุณหภูมิโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส เหนืออุณหภูมิช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม และพยายามจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มเกิน 1.5 องศาเซลเซียส และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนดในการลดก๊าซเรือนกระจก (Nationally Determined Contributions : NDCs) ประเทศไทย ได้ลงนามรับความตกลงปารีส ในปี 2559 และในเวลาต่อมา จึงมีการจัดทำแผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. 2564 โดยกำหนดเป้าหมายว่าภายในปี 2573 (2030) ประเทศไทยจะลดก๊าซเรือนกระจกขั้นต่ำที่ร้อยละ 20 และกำหนดเป้าหมายขั้นสูงที่ร้อยละ 25 จากกรณีปกติ การศึกษาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยมีเป้าหมายการรักษาอุณหภูมิโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส เป็นที่มาของงานวิจัย “Thailand’s mid-century greenhouse gas emission pathways to achieve the 2 degrees Celsius target” โดย Achiraya Chaichaloempreecha

ความพยายามลดโลกร้อนของไทยเป็นอย่างไร ส่องแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจก ตามหมุดหมายของ ‘ความตกลงปารีส’ Read More »

การประเมินประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ คืออะไร? นำมาใช้ศึกษากับการยางแห่งประเทศไทยอย่างไร? ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘รศ.ดร.พาญพล พึ่งรัศมี’

ชวนอ่านงานวิจัย “ศึกษาวิจัยพร้อมประเมินประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (eco-efficiency) ของการยางแห่งประเทศไทย ตามแนวทางปฏิบัติที่ดี ISO 14045 ประจําปีงบประมาณ 2563” โดย รศ.ดร.หาญพล พึ่งรัศมี ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนจากการยางแห่งประเทศไทย เผยแพร่ผ่านสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) จากสถานการณ์ปัญหาสิ่งแวดล้อมทั่วโลกในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การขาดแคลนน้ำ การลดลงของทรัพยากรธรรมชาติ และการทำลายสิ่งแวดล้อม ล้วนมีผลมาจากการเติบโตของเศรษฐกิจและการพัฒนาอุตสาหกรรม ทำให้มีการใช้ทรัพยากร วัตถุดิบ และพลังงาน รวมถึงก่อให้เกิดมลภาวะจากการผลิตวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต กระบวนการผลิต การขนส่ง รวมทั้งการปล่อยของเสีย และการกำจัดของเหลือใช้จากกระบวนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ด้วยเหตุนี้จึงเกิดแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ผนวกกับการพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจ พร้อมทั้งดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน โดยคำนึงถึงการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและการลดการปล่อยมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม หรือหลักการที่เรียกว่า การประเมินประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (eco-efficiency) ซึ่งเป็นเครื่องมือในการจัดการของภาคอุตสาหกรรมให้มีศักยภาพในการแข่งขันด้านธุรกิจควบคู่กับการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การยางแห่งประเทศไทย ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลการบริหารจัดการยางพารา ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางพารา ให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรชาวสวนยางและผู้ประกอบกิจการยางในด้านวิชาการ การเงิน การแปรรูป การตลาด และดำเนินการให้ระดับราคายางพารามีเสถียรภาพ โดยมียุทธศาสตร์ของการยางแห่งประเทศไทย ดังนี้ รศ.ดร.หาญพล และการยางแห่งประเทศไทย ต้องการศึกษาการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยใช้หลักการการประเมินประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ เพื่อให้ครอบคลุมการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่กันอย่างสมดุล

การประเมินประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ คืออะไร? นำมาใช้ศึกษากับการยางแห่งประเทศไทยอย่างไร? ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘รศ.ดร.พาญพล พึ่งรัศมี’ Read More »

พัฒนา ‘สภาวัฒนธรรม’ อย่างไร ให้ขับเคลื่อนด้วยพลังการมีส่วนร่วมและตอบโจทย์ท้องถิ่น ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘ผศ.รณรงค์ จันใด’

ชวนอ่านงานวิจัย “การพัฒนาโครงสร้างคณะกรรมการบริหารสภาวัฒนธรรมด้วยพลังการมีส่วนร่วม ของเครือข่ายในพื้นที่ตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2553” โดย ผศ.รณรงค์ จันใด คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) และกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม  ประเทศไทยเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมจึงถือเป็นโจทย์ท้าทายในการทําให้ประชาชนเห็นความสําคัญและเข้ามามีส่วนร่วมบริหารจัดการขับเคลื่อนการดําเนินงานวัฒนธรรมในท้องถิ่นตนเองให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจึงได้จัดตั้งสภาวัฒนธรรมในแต่ละระดับ ตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการขยายเครือข่ายการดําเนินงานด้านวัฒนธรรมในพื้นที่ในลักษณะกระจายอํานาจทางวัฒนธรรม และนำมาสู่การริเริ่มโครงการพัฒนาโครงสร้างคณะกรรมการบริหารสภาวัฒนธรรมด้วยพลังการมีส่วนร่วมของเครือข่ายในพื้นที่ ตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2553   เพื่อให้ส่งเสริมการพัฒนาสภาวัฒนธรรมต้นแบบดังกล่าว ผศ.รณรงค์ จึงดำเนินการวิจัยข้างต้น โดยมีวัตถุประสงค์โดยสรุป 3 ประการ คือ  จึงนับว่าเป็นงานวิจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 2 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 16 ความสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันเข้มแข็ง เป้าหมายที่ 17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ผศ.รณรงค์ ดำเนินการศึกษาด้วยวิธีการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพและการศึกษาเชิงปริมาณ โดยศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลผ่านการเก็บข้อมูล 3 วิธี ได้แก่ ผลการศึกษาที่สำคัญจากงานวิจัยข้างต้น ได้แก่  นอกจากนี้ ผศ.รณรงค์ ยังได้เสนอแนะแนวทางการขับเคลื่อนงานของสภาวัฒนธรรมในด้านต่าง ๆ ดังนี้ กล่าวโดยสรุป

พัฒนา ‘สภาวัฒนธรรม’ อย่างไร ให้ขับเคลื่อนด้วยพลังการมีส่วนร่วมและตอบโจทย์ท้องถิ่น ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘ผศ.รณรงค์ จันใด’ Read More »

Scroll to Top