SDG15

การจำลองโครงข่ายการจัดการขยะอย่างยั่งยืน สำหรับระบบการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน ผ่านการสร้างโมเดลทางคณิตศาสตร์

ระบบการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน (municipal solid waste management: MSWM) ที่ไม่ถูกหลักสุขาภิบาลและไม่มีประสิทธิภาพเป็นปัญหาท้าทายที่ต้องได้รับการแก้ไข โดยทั่วไปในเขตเมือง สถานที่กำจัดขยะที่ไม่ถูกหลักสุขาภิบาลมักก่อให้เกิดปัญหา เนื่องจากพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดและความสามารถในการกำจัดของเสียเพื่อรองรับประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้อยู่อาศัยในเขตเมืองมีความเสี่ยงในการสัมผัสกับสารปนเปื้อนที่ปล่อยออกมาจากการกำจัดขยะมูลฝอยนั้นมากขึ้น ความเสี่ยงจากการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่ผู้อยู่อาศัยในเขตเมืองประสบ มีสาเหตุมาจาก ในประเทศกำลังพัฒนา การจัดการขยะมูลฝอยชุมชนส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินลดลงและสร้างภาระทางการเงินแก่ประชากรในท้องถิ่นในแง่ของค่าใช้จ่ายด้านสุขอนามัยที่สูงขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหานี้ จำเป็นต้องเพิ่มความเป็นธรรมด้านสิ่งแวดล้อม (environmental justice) เป็นหนึ่งในเป้าหมายเชิงกลยุทธ์เพื่อทำให้บรรลุผลสำเร็จ โดยอ้างถึงแนวคิดที่ว่าผู้อยู่อาศัยในชุมชนทั้งหมดต้องได้รับการปกป้องจากความเครียดอันเนื่องจากสิ่งแวดล้อมที่มากเกินไปหรือไม่ได้สัดส่วน และจำเป็นต้องประเมินความสามารถของแต่ละชุมชนในการทนต่อผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย ความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้มักต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านสุขอนามัย ความต้องการทางการเงินอาจทำให้ชุมชนมีงบประมาณไม่เพียงพอ และไม่สามารถรวบรวมและกำจัดขยะมูลฝอยในชุมชนได้อย่างเหมาะสม ทำให้สุขภาพของประชาชนในท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อมถดถอยลง ดังนั้น การจัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่ยั่งยืนจึงต้องรวมประเด็นสำคัญทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมอยู่ในแผนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ การจัดตั้งระบบจัดการขยะมูลฝอยชุมชนที่ยั่งยืนนั้นขึ้นอยู่กับขั้นตอนการออกแบบโครงข่ายและการวางแผนการขนส่ง การเลือกพื้นที่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ความเหมาะสมของที่ดินอย่างรอบคอบ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสถานจัดการกับชุมชนท้องถิ่น รวมถึงปัจจัยทางภูมิศาสตร์ อุทกวิทยา และเศรษฐกิจสังคมจำเป็นต้องนำมาพิจารณาด้วย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการศึกษา “Multiobjective Optimization Model for Sustainable Waste Management Network Design” โดย ผศ. ดร.สัณห์ โอฬาพิริยกุล ดร.วรุธ ปานนักฆ้อง วฤทธิ์ คชาปัญญา และ […]

การจำลองโครงข่ายการจัดการขยะอย่างยั่งยืน สำหรับระบบการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน ผ่านการสร้างโมเดลทางคณิตศาสตร์ Read More »

ปริมาณก๊าซเรือนกระจกสัมพันธ์กับการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างไร ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘ดร. วาสินี วรรณศิริ’

ชวนอ่านงานวิจัย “โครงการประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากการใช้ประโยชน์ที่ดินเชิงพื้นที่ระดับจังหวัด” โดย ดร. วาสินี วรรณศิริ สาขาภูมิศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม อาทิ การทำการเกษตร การทำเหมืองแร่ การทำอุตสาหกรรม หรือการสร้างที่อยู่อาศัย กำลังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากบางกิจกรรมส่งผลให้เกิดการก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน และไนตรัสออกไซด์ อันเป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  ที่ผ่านมาองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ได้พยายามพัฒนาและส่งเสริมการจัดทำและรายงานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกของภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับจังหวัด เพื่อนำไปสู่การจัดทำแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจกระดับจังหวัด ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2559 โดยใช้ข้อมูลกิจกรรมจากรายงานสถิติข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินระดับจังหวัดรายปี อย่างไรก็ดียังไม่ครอบคลุมทุกประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดินตามการจำแนกประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดินในคู่มือ GPC (Global Protocol for Community-Scale Greenhouse Gas Emission Inventories) และ IPCC (IPCC Guidelines for National Greenhouse Gas Inventories) และไม่สามารถแสดงถึงพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินระหว่างสองช่วงเวลา รวมถึงสถิติข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินยังไม่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของจังหวัด เพื่อช่วยให้องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกสามารถนำเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศมาใช้เป็นเครื่องมือในการติดตามและวิเคราะห์การใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างครอบคลุมและทันเวลา

ปริมาณก๊าซเรือนกระจกสัมพันธ์กับการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างไร ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘ดร. วาสินี วรรณศิริ’ Read More »

‘ประชากรเพิ่มขึ้น การใช้ที่ดินจะเปลี่ยนไหม และอนามัยสิ่งแวดล้อมจะเสื่อมโทรมหรือไม่’ โจทย์ท้าทายของการพัฒนาเมืองยั่งยืนในอุษาคเนย์และบังกลาเทศ

ปัจจุบันเขตเมืองในประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับลักษณะการใช้ที่ดินที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งยังกระทบต่ออนามัยของสิ่งแวดล้อม เนื่องจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นเป็นผลให้เกิดการใช้ที่ดินอย่างไม่เหมาะสมและขาดการวางแผน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่เมืองมีการยื้อแย่งที่ดินทางการเกษตร พื้นที่ป่าไม้ และพื้นที่ชุ่มน้ำมาใช้ประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและการพัฒนาเมือง ส่งผลให้เกิดการสูญเสียพื้นที่ทางธรรมชาติ ทำให้บริการทางระบบนิเวศ (ecosystem  services) เกิดความเสื่อมโทรมและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม (environmental  sustain-ability)  ถดถอย ปัญหาข้างต้น กลายเป็นประเด็นสำคัญที่เมืองต่าง ๆ ในประเทศทั่วโลกต้องเร่งศึกษาถึงสภาพปัญหาและค้นหาแนวทางจัดการที่มีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับงานวิจัย “Sustainable urbanization in Southeast Asia and beyond: Challenges of population growth, land use change, and environmental health” โดย Md. Arfanuzzaman องค์กรอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations: FAO) ประจำประเทศบังกลาเทศ และ Bharat Dahiya วิทยาลัยสหวิทยาการ

‘ประชากรเพิ่มขึ้น การใช้ที่ดินจะเปลี่ยนไหม และอนามัยสิ่งแวดล้อมจะเสื่อมโทรมหรือไม่’ โจทย์ท้าทายของการพัฒนาเมืองยั่งยืนในอุษาคเนย์และบังกลาเทศ Read More »

Scroll to Top