Inequality

ชาวบ้านในชุมชนมีความเห็นอย่างไรต่อนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ชวนสำรวจจากงานวิจัยของ ‘ผศ. ดร.ภุชงค์ เสนานุช’ เเละคณะ

ชวนอ่านงานวิจัย “การศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” โดย ผศ. ดร.ภุชงค์ เสนานุช ผศ.รณรงค์ จันใด และ ดร.กาญจนา รอดแก้ว คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนโดยสถาบันพระปกเกล้า และสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) ปัจจุบันหลายประเทศได้มุ่งเน้นการดำเนินนโยบายด้านการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับฐานราก เพื่อให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและหลุดพ้นจากความยากจน โดยอาจใช้รูปแบบวิสาหกิจชุมชน (community enterprise) วิสาหกิจเพื่อสังคม (social enterprise) ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างผลกำไร หรือผลประกอบการเพื่อสังคม โดยใช้รูปแบบการทำงานของธุรกิจ เพื่อเชื่อมภาคธุรกิจและภาคสังคมเข้าด้วยกัน ทั้งนี้การพัฒนาเศรษฐกิจในระดับฐานรากยังถือเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) ขององค์การสหประชาชาติที่กำหนดเป้าหมายสำคัญประการหนึ่ง คือ การมุ่งขจัดความยากจนทุกรูปแบบ ขณะที่ประเทศไทย มีการดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ในหลายพื้นที่ซึ่งอาจดำเนินการในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน กลุ่มในชุมชน หรือรูปแบบอื่น ๆ อีกทั้งที่ผ่านมายังได้มีการจัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในหลายด้าน ทั้งด้านการการส่งเสริมอุตสาหกรรมในชุมชน การส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน และการส่งเสริมเกษตรแปรรูปโดยชุมชน ด้านภาครัฐก็พยายามขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากผ่านนโยบายและยุทธศาสตร์ต่าง ๆ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ที่ 4 ของยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี […]

ชาวบ้านในชุมชนมีความเห็นอย่างไรต่อนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ชวนสำรวจจากงานวิจัยของ ‘ผศ. ดร.ภุชงค์ เสนานุช’ เเละคณะ Read More »

การบังคับใช้กฎหมาย ‘ความเท่าเทียมระหว่างเพศ’ ตามบริบทของประเทศไทยเป็นอย่างไร ชวนค้นหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘ผศ. สาวตรี สุขศรี’

ชวนอ่านงานวิจัย “การศึกษาการบังคับใช้พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย” โดย ผศ. สาวตรี สุขศรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนของสถาบันพระปกเกล้า ดำเนินงานผ่านสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 มีผลบังคับใช้วันที่ 9 กันยายน 2558 กฎหมายฉบับนี้นับเป็นเครื่องมือทางกฎหมายชิ้นแรกของประเทศไทย ที่จะทำให้แนวคิดเรื่องความเท่าเทียมกันระหว่าง ทั้งเพศชาย เพศหญิง และบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ให้มีความเป็นรูปธรรมในสังคม มีเป้าหมายเพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิและเยียวยาความเสียหายให้กับผู้ถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ โดยสิทธิขั้นพื้นฐานในเรื่องนี้ได้รับการยอมรับทั้งในระดับสากลและรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งมีการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวมานานกว่า 6 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีการศึกษาสัดส่วนการบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในตัวกฎหมาย ความคุ้มค่าของการใช้กลไกและมาตรการตามกฎหมาย เมื่อเปรียบเทียบกับภาระหน้าที่ที่ประชาชน รวมทั้งหน่วยงานผู้บังคับใช้ต้องแบกรับ ไปจนถึงผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรมของการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ ด้วยปัญข้างต้น นำมาสู่การศึกษารายงานของ ผศ. สาวตรี ที่พยายามฉายให้เห็นถึงปัญหาทั้งในแง่ของตัวบทบัญญัติเองและการบังคับใช้ ซึ่งนอกจากจะอาศัยการวิเคราะห์ตามทฤษฎีและหลักการทางกฎหมายแล้ว นำความคิดเห็นที่ได้จากการสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง อาทิ ฝ่ายผู้บังคับใช้กฎหมาย ภาคประชาสังคม ผู้ขับเคลื่อนประเด็นความเท่าเทียมระหว่างเพศ นักวิชาการด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชน ไปจนถึงประชาชนผู้เคยถูกเลือกปฏิบัติและใช้กลไกตามกฎหมายนี้ร้องเข้ามาเพื่อขอรับความเป็นธรรม เพื่อมาพิจารณาประกอบค้นหาคำตอบของบทสรุปและข้อเสนอแนะ ที่จะนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย และประสิทธิภาพการบังคับใช้  จึงนับว่าเป็นงานวิจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 3

การบังคับใช้กฎหมาย ‘ความเท่าเทียมระหว่างเพศ’ ตามบริบทของประเทศไทยเป็นอย่างไร ชวนค้นหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘ผศ. สาวตรี สุขศรี’ Read More »

LAW-U แชทบอทให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย แก่เหยื่อและผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงทางเพศ ผ่านการประมวลผลภาษาธรรมชาติด้วยปัญญาประดิษฐ์

ความรุนแรงทางเพศ (sexual violence) หมายถึง การกระทำทางเพศหรือความพยายามใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งการกระทำทางเพศต่อบุคคล ผ่านใช้ความรุนแรงหรือการบังคับขู่เข็ญ ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทำความผิดและเหยื่อจะเป็นแบบใดและในสถานการณ์แวดล้อมใดก็ตาม คำนิยามนี้ยังครอบคลุมถึงการใช้กำลังบังคับ การคุกคามทางเพศ (sexual harassment) และการล่วงละเมิดทางเพศ (sexual assault) ความรุนแรงทางเพศ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คนและสังคมทั่วโลก องค์การอนามัยโลก (World Health Organization หรือ WHO) รายงานว่า ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้หญิงทั่วโลก ในช่วงชีวิตของพวกเธอเคยอยู่ภายใต้ความรุนแรงทางเพศจากคู่รักหรือจากคนที่ไม่ใช่คู่รัก จากการมาตรการปิดเมือง หรือ ล็อกดาวน์ (lockdown) ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้ความเสี่ยงเกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศต่อผู้หญิงเพิ่มสูงขึ้น อันเนื่องมาจากครอบครัวต้องรับมือกับความเครียดที่เพิ่มขึ้นและการอยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ศูนย์วิกฤตและสายด่วนสำหรับเหยื่อและผู้รอดชีวิต รวมถึงความช่วยเหลือทางกฎหมายถูกลดขนาดลง ทำให้บุคคลเหล่านี้เข้าถึงเครือข่ายการสนับสนุนที่สำคัญได้ยากขึ้น มาตรการควบคุมระหว่างการแพร่ระบาดทำให้การรายงานความรุนแรงทางเพศต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เรื้อรังอยู่แล้วเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การถูกตีตรา ความกลัวที่จะตอบโต้ และบริการที่ไม่เพียงพอสำหรับผู้รอดชีวิต แม้ว่าความรุนแรงทางเพศจะมีแนวโน้มลดลงในทั้งสองเพศ แต่ก็ไม่มีความชัดเจนว่าแนวโน้มนี้สะท้อนความเป็นจริงอย่างถูกต้องหรือไม่ สำหรับ ผู้รอดชีวิต (survivor)

LAW-U แชทบอทให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย แก่เหยื่อและผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงทางเพศ ผ่านการประมวลผลภาษาธรรมชาติด้วยปัญญาประดิษฐ์ Read More »

การพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน ทำไมต้องคำนึงถึง ‘ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย’ และความร่วมมือ ‘ภาครัฐ-เอกชน’ สำคัญอย่างไร ?

จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันส่งผลให้ ‘เมือง’ ในหลายประเทศเติบโตและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ระดับทางเศรษฐกิจขยับใหญ่ขึ้น ขณะที่อสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานก็ถูกพัฒนาอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการของประชากรเมือง กระนั้นความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้กลับเป็นความท้าทายที่ทิ้งโจทย์สำคัญอย่าง “ความยั่งยืน” และ “ครอบคลุม” ให้ต้องคิดหาทางไปให้ถึง เพื่อป้องกันผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ อาทิ ความแออัด มลพิษทางอากาศ และความยากจน  เพื่อค้นคว้าหาแนวทางที่ตอบโจทย์การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน รศ. ดร.ภาวิณี เอี่ยมตระกูล  จิราวรรณ คล้ายลี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ดร.ไอศูรย์ เรืองรัตนอัมพร สำนักวิชา     วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จึงได้ดำเนินงานวิจัย “Participatory Planning Approach Towards Smart Sustainable City Development” ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และคณะสถาปัตยกรรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  วัตถุประสงค์สำคัญของงานวิจัยข้างต้น คือ การค้นหาแนวทางที่เหมาะสมในการสร้างเวทีความเข้าใจของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะอย่างยั่งยืนโดยการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการที่มีผู้เข้าร่วมจากภาครัฐและภาคเอกชนกว่า 200 คน และเลือกจังหวัดปทุมธานีเป็นกรณีศึกษา ซึ่งหวังให้เป็นต้นแบบในการจัดทำนโยบายการพัฒนาเมืองแก่พื้นที่อื่น ๆ ในประเทศไทย

การพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน ทำไมต้องคำนึงถึง ‘ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย’ และความร่วมมือ ‘ภาครัฐ-เอกชน’ สำคัญอย่างไร ? Read More »

โอนอำนาจจ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดให้ อปท. มีความพร้อมแค่ไหน – ต้องหนุนเสริมอะไรเพิ่มบ้าง ? ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ศ.ระพีพรรณ คำหอม และคณะ

ชวนอ่านงานวิจัย “การศึกษาผลการดำเนินงานการจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดสู่ความพร้อมการถ่ายโอนภารกิจแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” โดย ศ.ระพีพรรณ คำหอม, ผศ.ดร.ธันยา รุจิเสถียรทรัพย์ และ ผศ.รณรงค์ จันใด คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โครงการจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดเป็นนโยบายของรัฐบาลไทยที่ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2558 โดยตั้งต้นมาจากความพยายามที่จะแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย นับว่าเป็นหนึ่งในสวัสดิการสำหรับเด็กในครอบครัวและเป็นการจัดบริการสนับสนุนมิติเศรษฐกิจของครอบครัวเพื่อให้ครอบครัวที่อยู่ในภาวะยากลำบากทางเศรษฐกิจสามารถนำเงินอุดหนุนไปใช้ในการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพการเลี้ยงดูเด็ก เพื่อให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดี  อย่างไรก็ดีจากการติดตามและประเมินผลโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ประจำปี 2559 – 2560 ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย พบว่าโครงการดังกล่าวเกิดปัญหาการเข้าไม่ถึงของกลุ่มเป้าหมายแท้จริง (exclusion error) พร้อมกับการรั่วไหลไปสู่ผู้ที่อยู่นอกกลุ่มเป้าหมาย (inclusion error) เพื่อแก้ปัญหาและช่องโหว่ที่เกิดขึ้นนี้ เมื่อวันที่ 31 มกราคม คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ จึงมีมติเห็นชอบถ่ายโอนอำนาจการดำเนินโครงการแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะมีหน้าที่สำคัญ อาทิ ร่วมค้นหากลุ่มเป้าหมาย ลงทะเบียน การตรวจสอบ สิทธิ ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด  เพื่อให้การถ่ายโอนภารกิจตามโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริง ศ.ระพีพรรณ และคณะจึงดำเนินการวิจัยข้างต้น โดยมีเป้าประสงค์สำคัญ คือ การศึกษาความคิดเห็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อผลการดำเนินงานการจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด และเปรียบเทียบความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อความพร้อมในการถ่ายโอนภารกิจตามโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด จึงนับว่าเป็นงานวิจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 3 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่

โอนอำนาจจ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดให้ อปท. มีความพร้อมแค่ไหน – ต้องหนุนเสริมอะไรเพิ่มบ้าง ? ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ศ.ระพีพรรณ คำหอม และคณะ Read More »

เสริมสร้างความเข้มแข็งของ “ชุมชนคุ้มครองเด็ก” แนวทางการมีส่วนร่วม พัฒนา ปกป้อง และช่วยเหลือเป็นอย่างไร ชวนค้นหาคำตอบงานวิจัยของ ‘ผศ. ดร.วสันต์ เหลืองประภัสร์’

ชวนอ่านงานวิจัย “ที่ปรึกษาเพื่อจัดทำแนวทางศึกษารูปแบบการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนคุ้มครองเด็ก”โดย ผศ. ดร.วสันต์ เหลืองประภัสร์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยแพร่ผ่านสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC)  ภายใต้การสนับสนุนจากกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  เป้าหมายหลักของงานวิจัยฉบับนี้ มุ่งเน้นการสร้างกลไกการให้บริการการคุ้มครองเด็ก โดยเฉพาะในชุมชนให้มีประสิทธิภาพ ทั้งการติดตาม การรายงาน จนถึงการช่วยเหลือเด็กที่อยู่ในสภาวะเสี่ยงหรือตกเป็นเหยื่อของการใช้ความรุนแรงจากการกระทำที่มิชอบ การแสวงหาประโยชน์ การละเลยทอดทิ้ง และปัญหาอื่น ๆ ภายใต้แนวคิดการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนา ปกป้อง คุ้มครอง และช่วยเหลือเด็กในชุมชนของตนเอง เกิดเป็นแนวทางเป็นรูปธรรมและยั่งยืน  งานวิจัยข้างต้นศึกษา ตั้งอยู่บนวัตถุประสงค์ คือ ประการแรก เพื่อศึกษาหาแนวทางหรือรูปแบบการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนคุ้มครองเด็ก  ประการที่สอง เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาและคุ้มครองเด็กในชุมชนแบบยั่งยืน และประการที่สาม เพื่อพัฒนาองค์ความรู้หรือจัดทำองค์ความรู้ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนคุ้มครองเด็ก จึงนับว่าเป็นงานวิจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 4 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 4 การศึกษาที่มีคุณภาพ เป้าหมายที่ 5 ความเท่าเทียมระหว่างเพศ เป้าหมายที่  10 ลดความเหลื่อมล้ำ และเป้าหมายที่ 16 ความสงบสุข ยุติธรรมและสถาบันเข้มแข็ง เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนา ปกป้อง คุ้มครอง

เสริมสร้างความเข้มแข็งของ “ชุมชนคุ้มครองเด็ก” แนวทางการมีส่วนร่วม พัฒนา ปกป้อง และช่วยเหลือเป็นอย่างไร ชวนค้นหาคำตอบงานวิจัยของ ‘ผศ. ดร.วสันต์ เหลืองประภัสร์’ Read More »

Scroll to Top