SDG6

ทบทวนสถานการณ์สุขาภิบาลของประเทศเมียนมา ไทย และเวียดนาม และนวัตกรรมการสุขาภิบาลเพื่อสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม

แม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทว่าปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน ประชากรกว่า 1.74 ล้านคนในภูมิภาคนี้ไม่สามารถเข้าถึงสุขาภิบาลที่ดีได้ โดยในจำนวนนี้ประมาณ 792 ล้านคนยังคงทนทุกข์กับการขับถ่ายในที่โล่งแจ้ง สถานการณ์สุขาภิบาล (sanitation situation) ที่ไม่ดีส่งผลกระทบที่นำไปสู่ความเจ็บป่วยและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ทำให้แหล่งน้ำเน่าเสีย และสูญเสียโอกาสในการนำสิ่งปฏิกูลกลับมาใช้ใหม่เพื่อผลิตพลังงานหรือปุ๋ย การสุขาภิบาลที่ไม่ดียังก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยประเมินการสูญเสียรายได้จากผลผลิตที่ลดลงกว่า 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ (อ้างอิงจากปี 2548) ในประเทศกัมพูชา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งคิดเป็น 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (gross domestic product: GDP) แม้ว่ารัฐบาลหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะริเริ่มดำเนินการหลายอย่างเพื่อปรับปรุงสถานการณ์สุขาภิบาล แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น สาเหตุอีกประการหนึ่งคือ การขาดตัวเลือกเทคโนโลยีและเทคโนโลยีที่มีอยู่มีประสิทธิภาพต่ำ ส่งผลต่อการปรับปรุงด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของภูมิภาค ระบบบำบัดน้ำเสียจากห้องสุขาที่ใช้กันทั่วไป คือ ระบบสุขาภิบาล ณ แหล่งกำเนิด (on-site sanitation system: OSS) เช่น บ่อเกรอะ (septic tank) บ่อซึม (cesspool) ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วได้รับการออกแบบ สร้าง และบำรุงรักษาที่ไม่ดีพอ นำไปสู่การรั่วไหลของของเสียหรือการใช้งานที่มากเกินไป […]

ทบทวนสถานการณ์สุขาภิบาลของประเทศเมียนมา ไทย และเวียดนาม และนวัตกรรมการสุขาภิบาลเพื่อสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม Read More »

สำรวจเเนวทางบำบัดน้ำทิ้งของรีสอร์ตในอัมพวา ผ่านระบบบำบัดน้ำเสียบึงประดิษฐ์การไหลเวียนใต้ชั้นกรอง ทางเลือกส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เเละยั่งยืน

“การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” เป็นหนึ่งในรูปแบบการท่องเที่ยวสำคัญที่ประเทศไทยนำมาปรับใช้สำหรับการปกป้องทรัพยากรสิ่งแวดล้อม หนึ่งในเรื่องที่ต้องคำนึงถึงคือการปรับปรุงคุณภาพน้ำทิ้งจากโฮมสเตย์และรีสอร์ต เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าการขยายตัวของเมืองและการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวส่งผลให้เกิดมลพิษทางน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลต่อสุขภาพความเป็นอยู่และกระทบการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว แม้ที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้ทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียกว่า 100 แห่ง แต่มีเพียงประมาณครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่ได้ผลตามที่คาดหวัง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะขาดบุคลากรที่มีทักษะในการดำเนินงานโรงบำบัด และการลงทุนสำหรับการดำเนินการโรงบำบัดไม่เพียงพอ ขณะที่ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษระบุว่า โรงบำบัดน้ำเสียเหล่านั้นสามารถบำบัดน้ำเสียได้เพียง 27% ของน้ำเสียจากครัวเรือนทั้งประเทศ และหากสำรวจตรวจสอบโฮมสเตย์หรือรีสอร์ตจะพบว่ามีหลายแห่งที่เป็นแหล่งปล่อยน้ำทิ้งสู่สิ่งแวดล้อมเนื่องจากไม่มีระบบบำบัดน้ำที่มีคุณภาพ “อำเภออัมพวา” จังหวัดสมุทรสงคราม หนึ่งในปลายทางการท่องเที่ยวขึ้นชื่อของไทยก็เผชิญปัญหาดังกล่าว โดยข้อมูลจากตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา ระบุว่าอัมพวามีรีสอร์ตและโฮมสเตย์รวมทั้งสิ้น 26 แห่ง ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กไม่เกิน 10 ห้องพัก แต่พบว่าหลายแห่งเป็นการปรับปรุงมาจากบ้านเก่า (renovation) ไม่มีการก่อร่างสร้างเชื่อมระบบการจัดการน้ำทิ้ง ส่งผลให้น้ำทิ้งมีคุณภาพต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งอาจกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะคูคลองที่เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสำคัญของอำเภอดังกล่าว ทั้งนี้ หากพิจารณาแนวทางของการจัดการน้ำทิ้งจะพบว่าแนวทางหนึ่งซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับพื้นที่อัมพวานั่นคือ “ระบบบำบัดน้ำเสียบึงประดิษฐ์การไหลเวียนใต้ชั้นกรอง” (subsurface flow constructed wetlands: SFCWs) เนื่องจากเป็นการบำบัดน้ำเสียที่ใช้ธรรมชาติเป็นฐาน มีต้นทุนไม่สูงมาก ชุมชนหรือเจ้าของกิจการรายย่อยสามารถจัดตั้งระบบได้ อีกทั้งยังสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำสำหรับการเกษตรได้อีกด้วย เพื่อศึกษาถึงประสิทธิภาพและผลในการริเริ่มจัดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียดังกล่าวในพื้นที่อัมพวา ดร.วรุณศักดิ์ เลี่ยมแหลม และ ศ. ดร.จงรักษ์ ผลประเสริฐ คณะวิศวกรรมศาสตร์

สำรวจเเนวทางบำบัดน้ำทิ้งของรีสอร์ตในอัมพวา ผ่านระบบบำบัดน้ำเสียบึงประดิษฐ์การไหลเวียนใต้ชั้นกรอง ทางเลือกส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เเละยั่งยืน Read More »

Scroll to Top