Localizing x Partnership

TU SDG Seminars | งานวิจัยจะศึกษาและหนุนเสริมการร่วมมือและเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาอย่างไร ชวนหาคำตอบจากบทสรุปสัมมนาการวิจัยด้านหุ้นส่วนการพัฒนาและกลไกการขับเคลื่อน

ชวนอ่านบทสรุปการสัมมนา หัวข้อ “การวิจัยระดับพื้นที่ด้านหุ้นส่วนการพัฒนาและกลไกการขับเคลื่อน”   โดย ผศ. ดร.คมน์ พันธรักษ์ และ ศ.วิทวัส รุ่งเรืองผล คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้เวทีสัมมนาการวิจัยด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 ผ่านระบบ Zoom Meeting ด้วยประเด็นที่กล่าวถึง การสัมมนาข้างต้นจึงมีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 4 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 8 งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป้าหมายที่ 9 โครงสร้างพื้นฐาน วิจัยและนวัตกรรม เป้าหมายที่ 11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน เเละเป้าหมายที่ 17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 01 – บทสรุปการนำเสนอประเด็น “ความสำคัญในการพัฒนา MSME” (micro small and medium enterprises) ผศ. ดร.คมน์ พันธรักษ์ ได้กล่าวถึงการวิจัยเพื่อสนับสนุนหุ้นส่วนการพัฒนาและกลไกขับเคลื่อน ในประเด็นของความสำคัญในการพัฒนา MSME มีสาระสำคัญโดยสรุป ดังนี้  […]

TU SDG Seminars | งานวิจัยจะศึกษาและหนุนเสริมการร่วมมือและเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาอย่างไร ชวนหาคำตอบจากบทสรุปสัมมนาการวิจัยด้านหุ้นส่วนการพัฒนาและกลไกการขับเคลื่อน Read More »

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในแต่ละภาคของไทยเพิ่มขึ้นหรือลดลงมากกว่ากัน

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) เป็นการเคลื่อนย้ายทุนจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งโดยเจ้าของทุนยังมีอำนาจในการดูแลกิจการที่มีการนำทรัพยากรการผลิต แรงงาน และเทคโนโลยีเข้าไปยังประเทศที่ลงทุน นับว่าเป็นหนึ่งในการลงทุนที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ที่ผ่านมา มีงานศึกษาวิจัยจำนวนหนึ่งที่พยายามศึกษาและสำรวจถึงผลกระทบของ ‘การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ’ ต่อความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในประเทศที่เป็นถิ่นฐานการผลิตหรือการบริการ โดยมีโจทย์สำคัญซึ่งเป็นข้อถกเถียงมาอย่างต่อเนื่อง คือ “การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศส่งผลให้ช่องว่างทางรายได้ของคนในประเทศเพิ่มขึ้นหรือลดลง” โดยงานศึกษาวิจัยส่วนหนึ่งเสนอว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศช่วยให้เกิดการกระจายรายได้และการถ่ายโอนเทคโนโลยีในประเทศถิ่นฐานการผลิตหรือบริการ ขณะที่อีกส่วนหนึ่ง เสนอว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทำให้การกระจายรายได้ลดน้อยลง เนื่องจากบรรษัทข้ามชาติโดยส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จำเป็นต้องอาศัยแรงงานมีฝีมือ ขณะเดียวกันการจ่ายค่าจ้างให้แรงงานมีฝีมือก็สูงกว่าแรงงานไร้ฝีมือ จึงมีส่วนทำให้ช่องว่างความไม่เท่าเทียมของรายได้ขยายกว้างขึ้น  สำหรับประเทศไทย เป็นหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนาที่เปิดรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำทางรายได้มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงน่าสนใจว่าความเหลื่อมล้ำดังกล่าวมีความสัมพันธ์หรือเป็นผลกระทบจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือไม่ อย่างไร  อย่างไรก็ดี งานศึกษาวิจัยต่อประเด็นข้างต้นที่ขีดกรอบศึกษาเฉพาะประเทศไทยนั้นนับว่ายังมีน้อย เพื่อเติมเต็มการศึกษา สำรวจ และวิเคราะห์ผลกระทบของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในสังคมไทย ดร.มณฑินี ธีระมังคลานนท์ วิทยาลัยนานาชาติปรีดีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ Eric M.P. Chiu National Chung Hsing University  จึงได้ดำเนินงานวิจัย “The Effects of Foreign Direct Investment on Income Inequality of Thailand” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเชิงลึกและให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสำหรับประเทศไทย

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในแต่ละภาคของไทยเพิ่มขึ้นหรือลดลงมากกว่ากัน Read More »

พัฒนา ‘สภาวัฒนธรรม’ อย่างไร ให้ขับเคลื่อนด้วยพลังการมีส่วนร่วมและตอบโจทย์ท้องถิ่น ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘ผศ.รณรงค์ จันใด’

ชวนอ่านงานวิจัย “การพัฒนาโครงสร้างคณะกรรมการบริหารสภาวัฒนธรรมด้วยพลังการมีส่วนร่วม ของเครือข่ายในพื้นที่ตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2553” โดย ผศ.รณรงค์ จันใด คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) และกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม  ประเทศไทยเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมจึงถือเป็นโจทย์ท้าทายในการทําให้ประชาชนเห็นความสําคัญและเข้ามามีส่วนร่วมบริหารจัดการขับเคลื่อนการดําเนินงานวัฒนธรรมในท้องถิ่นตนเองให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจึงได้จัดตั้งสภาวัฒนธรรมในแต่ละระดับ ตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการขยายเครือข่ายการดําเนินงานด้านวัฒนธรรมในพื้นที่ในลักษณะกระจายอํานาจทางวัฒนธรรม และนำมาสู่การริเริ่มโครงการพัฒนาโครงสร้างคณะกรรมการบริหารสภาวัฒนธรรมด้วยพลังการมีส่วนร่วมของเครือข่ายในพื้นที่ ตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2553   เพื่อให้ส่งเสริมการพัฒนาสภาวัฒนธรรมต้นแบบดังกล่าว ผศ.รณรงค์ จึงดำเนินการวิจัยข้างต้น โดยมีวัตถุประสงค์โดยสรุป 3 ประการ คือ  จึงนับว่าเป็นงานวิจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 2 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 16 ความสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันเข้มแข็ง เป้าหมายที่ 17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ผศ.รณรงค์ ดำเนินการศึกษาด้วยวิธีการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพและการศึกษาเชิงปริมาณ โดยศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลผ่านการเก็บข้อมูล 3 วิธี ได้แก่ ผลการศึกษาที่สำคัญจากงานวิจัยข้างต้น ได้แก่  นอกจากนี้ ผศ.รณรงค์ ยังได้เสนอแนะแนวทางการขับเคลื่อนงานของสภาวัฒนธรรมในด้านต่าง ๆ ดังนี้ กล่าวโดยสรุป

พัฒนา ‘สภาวัฒนธรรม’ อย่างไร ให้ขับเคลื่อนด้วยพลังการมีส่วนร่วมและตอบโจทย์ท้องถิ่น ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘ผศ.รณรงค์ จันใด’ Read More »

Scroll to Top