Research Recommends

ข่าวสารแนะนำงานวิจัยเกี่ยวกับ SDGs ในฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

แนวทางการพัฒนาเพื่อส่งเสริมการใช้ ‘ยานยนต์ไฟฟ้า’ ของประเทศไทยเป็นอย่างไร  ชวนค้นหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘ผศ. ดร.ภูรี สิรสุนทร และคณะ’

ชวนอ่านงานวิจัย “ศึกษาและพัฒนาแนวทางในการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles)” โดย ผศ.ดร.ภูรี สิรสุนทร คณะเศรษฐศาสตร์  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ดำเนินงานผ่านสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC)  ‘ยานยนต์’ และ ‘พลังงาน’ ในภาคขนส่งเป็นสินค้าประกอบกัน นโยบายของภาครัฐไม่ว่าจะเป็นนโยบายอุตสาหกรรม นโยบายคมนาคม นโยบายพลังงานในภาคขนส่ง โดยเฉพาะโครงสร้างราคาพลังงานส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเลือกใช้ยานยนต์และการใช้พลังงานในภาคขนส่งทางถนนและการกำหนดทิศทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนรวมทั้งภาคขนส่งและภาคพลังงานอีกด้วย  รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงาน ได้ตระหนักถึงสถานการณ์การใช้พลังงานในภาคขนส่งของประเทศไทย จึงได้วางแผนอนุรักษ์พลังงานมาอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมให้เกิดการประหยัดการใช้พลังงาน ซึ่งหนึ่งในแนวทางที่ส่งเสริมให้เกิดการประหยัดพลังงานในภาคขนส่ง คือ การนำ ‘ยานยนต์ไฟฟ้า’ (electric vehicle : EV) มาใช้แทนยานยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ โดยการนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้เชื่อมต่อและประกอบกันกับการขนส่งในระบบราง จะช่วยลดการเกิดมลพิษทางอากาศที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลอีกด้วย เพื่อช่วยเพิ่มบทบาทของระบบรางในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ยานยนต์และพลังงานให้เพิ่มมากขึ้น ผศ. ดร.ภูรี และคณะ ได้ดำเนินการวิจัยงานวิจัยข้างต้น ภายใต้เงื่อนไขอย่างเหมาะสมในการเพิ่มโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนต่อไปได้ในอนาคต ผ่านการเก็บข้อมูลในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  จึงนับว่าเป็นงานวิจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 4 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี เป้าหมายที่ 7 พลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้ เป้าหมายที่ 9 อุตสาหกรรม นวัตกรรม […]

แนวทางการพัฒนาเพื่อส่งเสริมการใช้ ‘ยานยนต์ไฟฟ้า’ ของประเทศไทยเป็นอย่างไร  ชวนค้นหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘ผศ. ดร.ภูรี สิรสุนทร และคณะ’ Read More »

ชาวบ้านในชุมชนมีความเห็นอย่างไรต่อนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ชวนสำรวจจากงานวิจัยของ ‘ผศ. ดร.ภุชงค์ เสนานุช’ เเละคณะ

ชวนอ่านงานวิจัย “การศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” โดย ผศ. ดร.ภุชงค์ เสนานุช ผศ.รณรงค์ จันใด และ ดร.กาญจนา รอดแก้ว คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนโดยสถาบันพระปกเกล้า และสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) ปัจจุบันหลายประเทศได้มุ่งเน้นการดำเนินนโยบายด้านการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับฐานราก เพื่อให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและหลุดพ้นจากความยากจน โดยอาจใช้รูปแบบวิสาหกิจชุมชน (community enterprise) วิสาหกิจเพื่อสังคม (social enterprise) ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างผลกำไร หรือผลประกอบการเพื่อสังคม โดยใช้รูปแบบการทำงานของธุรกิจ เพื่อเชื่อมภาคธุรกิจและภาคสังคมเข้าด้วยกัน ทั้งนี้การพัฒนาเศรษฐกิจในระดับฐานรากยังถือเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) ขององค์การสหประชาชาติที่กำหนดเป้าหมายสำคัญประการหนึ่ง คือ การมุ่งขจัดความยากจนทุกรูปแบบ ขณะที่ประเทศไทย มีการดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ในหลายพื้นที่ซึ่งอาจดำเนินการในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน กลุ่มในชุมชน หรือรูปแบบอื่น ๆ อีกทั้งที่ผ่านมายังได้มีการจัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในหลายด้าน ทั้งด้านการการส่งเสริมอุตสาหกรรมในชุมชน การส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน และการส่งเสริมเกษตรแปรรูปโดยชุมชน ด้านภาครัฐก็พยายามขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากผ่านนโยบายและยุทธศาสตร์ต่าง ๆ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ที่ 4 ของยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี

ชาวบ้านในชุมชนมีความเห็นอย่างไรต่อนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ชวนสำรวจจากงานวิจัยของ ‘ผศ. ดร.ภุชงค์ เสนานุช’ เเละคณะ Read More »

แนวทางการพัฒนาคุณภาพการดำเนินงานของ “กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน” เป็นอย่างไร? ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘รศ. ดร.อุรุยา วีสกุล’

ชวนอ่านงานวิจัย “พัฒนาและปรับปรุงคุณภาพการดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปี 2561” โดย รศ. ดร.อุรุยา วีสกุล ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เผยแพร่ผ่านสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 มาตรา 24 ให้จัดตั้งกองทุนหมุนเวียนขึ้นกองทุนหนึ่ง เรียกว่า “กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน” ในกระทรวงพลังงาน เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนและค่าใช้จ่ายช่วยเหลือหรืออุดหนุนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน และมีการจัดตั้งหน่วยบริหารกองทุนชื่อว่า สำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ส.กทอ.) สำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มีหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน และเสนอแนะนโยบาย ยุทธศาสตร์ และพัฒนากลยุทธ์การบริหารจัดการกองทุน จัดสรรเงินกองทุนให้เป็นไปตามแนวทางและนโยบายของรัฐบาล ในการขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส น่าเชื่อถือ และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ รวมถึงจัดให้มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อใช้ในการบริหารจัดการกองทุน เพื่อพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน รศ. ดร.อุรุยา จึงดำเนินโครงการศึกษาวิจัย โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ .ซึ่งการศึกษาวิจัยในครั้งนี้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 2 เป้าหมาย ได้แก่

แนวทางการพัฒนาคุณภาพการดำเนินงานของ “กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน” เป็นอย่างไร? ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘รศ. ดร.อุรุยา วีสกุล’ Read More »

เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ภาคอุตสาหกรรมจะพัฒนาระบบ ‘Big Data’ ได้อย่างไร ชวนค้นหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘ผศ. ดร.พาณุวงศ์ คัมภิรารักษ์ และคณะ’

ชวนอ่านงานวิจัย “พัฒนาระบบการจัดการฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม” โดย ผศ. ดร.พาณุวงศ์ คัมภิรารักษ์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ดำเนินงานผ่านสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC)   สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานที่เป็นเสมือนคลังสมอง (Think Tank) ของกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) จึงมีภารกิจสำคัญในการจัดทำและผลักดันข้อเสนอแนะ นโยบาย แผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน แต่ปัจจุบันอุตสาหกรรมอยู่ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทำให้การกำหนดนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมจำเป็นต้องรู้เท่าทันกับสถานการณ์หรือปัจจัยต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น และด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การติดตามความเคลื่อนไหวสถานการณ์ต่าง ๆ สามารถทำได้แบบ Real Time และเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายใหญ่มากขึ้น กลายเป็นข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ดังนั้น กระบวนการติดตามสถานการณ์อุตสาหกรรมและการจัดทำนโยบายจึงต้องปรับเปลี่ยนให้เท่าทันต่อเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการเสริมศักยภาพการทำงาน รวมถึงใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีในระบบมาบูรณาการฐานข้อมูลของหน่วยงานภายในของกระทรวงอุตสาหกรรม จึงนับว่าเป็นงานวิจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 2 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 9 โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และอุตสาหกรรม และเป้าหมายที่ 17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ผศ. ดร.พาณุวงศ์

เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ภาคอุตสาหกรรมจะพัฒนาระบบ ‘Big Data’ ได้อย่างไร ชวนค้นหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘ผศ. ดร.พาณุวงศ์ คัมภิรารักษ์ และคณะ’ Read More »

ประชาชนฟ้องหน่วยงานรัฐได้หรือไม่ อย่างไร มีความท้าทายและปัญหาอะไรบ้าง ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ศ.สมคิด เลิศไพฑูรย์ และคณะ

ชวนอ่านงานวิจัย “สิทธิของประชาชนและชุมชนในการฟ้องหน่วยงานของรัฐให้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 51 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 45” โดย ศ.สมคิด เลิศไพฑูรย์ และ รศ. ดร.นิรมัย พิศแข มั่นจิตร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ได้บัญญัติหน้าที่ของรัฐไว้ในหมวดที่ 5 ตั้งแต่มาตรา 51 ถึงมาตรา 63 โดยเป็นการบัญญัติขึ้นเป็นครั้งแรก และกำหนดให้ประชาชนและชุมชนมีสิทธิติดตาม เร่งรัด และฟ้องร้องหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้ หากหน่วยงานของรัฐไม่ได้กระทำการใด ๆ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่กำหนดไว้ในหมวดนี้และเป็นการทำเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนโดยตรง นอกจากนี้ ยังได้กำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติมไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 45 โดยให้บุคคลหรือชุมชนในฐานะที่เป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการทำหน้าที่ของรัฐ หากได้รับความเสียหายจากการไม่ปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องครบถ้วน หรือล่าช้าเกินสมควร มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยได้ อย่างไรก็ดีบทบัญญัติดังกล่าวนับได้ว่าเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับประเทศไทย จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาตั้งแต่ความเป็นมา เจตนารมณ์ของกฎหมายทั้งของไทยและต่างประเทศ

ประชาชนฟ้องหน่วยงานรัฐได้หรือไม่ อย่างไร มีความท้าทายและปัญหาอะไรบ้าง ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ศ.สมคิด เลิศไพฑูรย์ และคณะ Read More »

ปริมาณก๊าซเรือนกระจกสัมพันธ์กับการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างไร ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘ดร. วาสินี วรรณศิริ’

ชวนอ่านงานวิจัย “โครงการประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากการใช้ประโยชน์ที่ดินเชิงพื้นที่ระดับจังหวัด” โดย ดร. วาสินี วรรณศิริ สาขาภูมิศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม อาทิ การทำการเกษตร การทำเหมืองแร่ การทำอุตสาหกรรม หรือการสร้างที่อยู่อาศัย กำลังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากบางกิจกรรมส่งผลให้เกิดการก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน และไนตรัสออกไซด์ อันเป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  ที่ผ่านมาองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ได้พยายามพัฒนาและส่งเสริมการจัดทำและรายงานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกของภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับจังหวัด เพื่อนำไปสู่การจัดทำแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจกระดับจังหวัด ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2559 โดยใช้ข้อมูลกิจกรรมจากรายงานสถิติข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินระดับจังหวัดรายปี อย่างไรก็ดียังไม่ครอบคลุมทุกประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดินตามการจำแนกประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดินในคู่มือ GPC (Global Protocol for Community-Scale Greenhouse Gas Emission Inventories) และ IPCC (IPCC Guidelines for National Greenhouse Gas Inventories) และไม่สามารถแสดงถึงพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินระหว่างสองช่วงเวลา รวมถึงสถิติข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินยังไม่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของจังหวัด เพื่อช่วยให้องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกสามารถนำเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศมาใช้เป็นเครื่องมือในการติดตามและวิเคราะห์การใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างครอบคลุมและทันเวลา

ปริมาณก๊าซเรือนกระจกสัมพันธ์กับการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างไร ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘ดร. วาสินี วรรณศิริ’ Read More »

การบังคับใช้กฎหมาย ‘ความเท่าเทียมระหว่างเพศ’ ตามบริบทของประเทศไทยเป็นอย่างไร ชวนค้นหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘ผศ. สาวตรี สุขศรี’

ชวนอ่านงานวิจัย “การศึกษาการบังคับใช้พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย” โดย ผศ. สาวตรี สุขศรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนของสถาบันพระปกเกล้า ดำเนินงานผ่านสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 มีผลบังคับใช้วันที่ 9 กันยายน 2558 กฎหมายฉบับนี้นับเป็นเครื่องมือทางกฎหมายชิ้นแรกของประเทศไทย ที่จะทำให้แนวคิดเรื่องความเท่าเทียมกันระหว่าง ทั้งเพศชาย เพศหญิง และบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ให้มีความเป็นรูปธรรมในสังคม มีเป้าหมายเพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิและเยียวยาความเสียหายให้กับผู้ถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ โดยสิทธิขั้นพื้นฐานในเรื่องนี้ได้รับการยอมรับทั้งในระดับสากลและรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งมีการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวมานานกว่า 6 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีการศึกษาสัดส่วนการบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในตัวกฎหมาย ความคุ้มค่าของการใช้กลไกและมาตรการตามกฎหมาย เมื่อเปรียบเทียบกับภาระหน้าที่ที่ประชาชน รวมทั้งหน่วยงานผู้บังคับใช้ต้องแบกรับ ไปจนถึงผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรมของการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ ด้วยปัญข้างต้น นำมาสู่การศึกษารายงานของ ผศ. สาวตรี ที่พยายามฉายให้เห็นถึงปัญหาทั้งในแง่ของตัวบทบัญญัติเองและการบังคับใช้ ซึ่งนอกจากจะอาศัยการวิเคราะห์ตามทฤษฎีและหลักการทางกฎหมายแล้ว นำความคิดเห็นที่ได้จากการสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง อาทิ ฝ่ายผู้บังคับใช้กฎหมาย ภาคประชาสังคม ผู้ขับเคลื่อนประเด็นความเท่าเทียมระหว่างเพศ นักวิชาการด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชน ไปจนถึงประชาชนผู้เคยถูกเลือกปฏิบัติและใช้กลไกตามกฎหมายนี้ร้องเข้ามาเพื่อขอรับความเป็นธรรม เพื่อมาพิจารณาประกอบค้นหาคำตอบของบทสรุปและข้อเสนอแนะ ที่จะนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย และประสิทธิภาพการบังคับใช้  จึงนับว่าเป็นงานวิจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 3

การบังคับใช้กฎหมาย ‘ความเท่าเทียมระหว่างเพศ’ ตามบริบทของประเทศไทยเป็นอย่างไร ชวนค้นหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘ผศ. สาวตรี สุขศรี’ Read More »

เปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นคาร์บอนในเหล็ก การผลิตเหล็กจากกล่องอาหารทดแทนการใช้ถ่านหินได้หรือไม่? ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘รศ.ดร.สมยศ คงคารัตน์’

ชวนอ่านงานวิจัย “การใช้ประโยชน์ขยะพอลิเมอร์กล่องบรรจุอาหารที่เกิดขึ้นจากธุรกิจส่งอาหารในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อการผลิตเหล็กกล้าแบบยั่งยืน : การผลิตคาร์บอนกราไฟต์และการประยุกต์ใช้เป็นสารเพิ่มคาร์บอนในเหล็กเหลว” โดย รศ.ดร.สมยศ คงคารัตน์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เผยแพร่ผ่านสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) การดำเนินนโยบายให้ประชาชนเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจส่งอาหาร (food delivery) เฟื่องฟูและเป็นที่นิยมอย่างมาก ทว่าปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นตามมาคือ ขยะที่เป็นกล่องบรรจุอาหารจำนวนมาก โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์ที่เป็นวัสดุพอลิเมอร์หรือพลาสติกซึ่งย่อยสลายได้ยาก โดยทั่วไปแล้วขยะพอลิเมอร์ที่ใช้เป็นกล่องบรรจุอาหารมี 2 ชนิดคือ พอลิโพรไพลีน (polypropylene: PP) ซึ่งอยู่ในรูปของกล่องพลาสติกขาวขุ่น และพอลิสไตรีน (polystyrene: PS) ที่อยู่ในรูปของกล่องพลาสติกใสอ่อน กล่อง/ถาดโฟมสีขาว รวมทั้งช้อนส้อมพลาสติกและฝาแก้วกาแฟร้อนสีขาว เป็นต้น ส่วนใหญ่ใช้วิธีกำจัดขยะโดยการเผาหรือนำไปทิ้งตามพื้นที่ว่างเปล่า ซึ่งทั้งสองวิธีนี้ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก ในอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและเหล็กกล้า คาร์บอนเป็นธาตุที่สำคัญมากในกระบวนการผลิต โดยเป็นทั้งเชื้อเพลิงและเป็นตัวทำปฏิกิริยาระหว่างการถลุงเหล็กในเตาหลอม แหล่งของคาร์บอนที่ใช้ในกระบวนการผลิตคือ ถ่านหิน ถ่านโค้ก ถ่านแอนทราไซต์ กราไฟต์ เป็นต้น แต่ทว่าการใช้ถ่านหินหรือเชื้อเพลิงฟอสซิลเหล่านี้ในกระบวนการผลิต ทำให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศออกสู่ระบบนิเวศมากตามไปด้วย

เปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นคาร์บอนในเหล็ก การผลิตเหล็กจากกล่องอาหารทดแทนการใช้ถ่านหินได้หรือไม่? ชวนหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘รศ.ดร.สมยศ คงคารัตน์’ Read More »

เมื่อปัจจุบัน ‘ผู้สูงอายุ’ เสี่ยงถูกละเมิดสิทธิเพิ่มขึ้น จะมีมาตรการกลไกป้องกันอย่างไร ? ชวนค้นหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘รศ. ดร.เดชา สังขวรรณ’

ชวนอ่านงานวิจัย “มาตรการกลไกป้องกันการละเมิดสิทธิผู้สูงอายุ” โดย รศ. ดร.เดชา สังขวรรณ วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยแพร่ผ่านสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC)  ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ปัจจุบัน สังคมไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคม ‘ผู้สูงอายุ’ จึงต้องเตรียมการรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิของผู้สูงอายุ เพราะเมื่อบุคคลเข้าสู่วัยสูงอายุ มักจะพบกับการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ การเสื่อมถอยลงของร่างกายและจิตใจ ก่อให้เกิดภาวะการเจ็บป่วย เกิดปัญหาโรคเรื้อรังและนำไปสู่ภาวะการพึ่งพิงซึ่งโดยทั่วไปจะเกิดขึ้น ในช่วงอายุ 75-80 ปี ทำให้ผู้สูงวัยต้องปรับเปลี่ยนสถานภาพและบทบาททางสังคมจากผู้ที่เคยเป็น ‘ผู้ดูแล’ คนอื่นมาเป็น ‘ผู้พึ่งพา’ ซึ่งอาจให้นำมาสู่การถูกเอารัดเอาเปรียบได้โดยง่าย จึงได้มีการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ  (qualitative research) จึงได้ทำการศึกษาสถานการณ์ปัญหาการละเมิดสิทธิต่อผู้สูงอายุ รวมถึงมาตรการกลไกในการป้องกัน เพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินการวางแผนต่อไป จากงานวิจัยข้างต้น เพื่อศึกษามาตรการกลไกป้องกันการละเมิดสิทธิผู้สูงอายุ ได้อย่างรอบด้านและเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของประเทศไทย รศ. ดร.เดชา ได้กำหนดวัตถุประสงค์ 3 ประการ ดังนี้ จากข้อมูลงานวิจัยดังกล่าว เพื่อให้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการกลไกป้องกันการละเมิดสิทธิผู้สูงอายุ จึงกำหนดวิธีการวิจัย โดยการประชุมสนทนากลุ่ม (focus group)

เมื่อปัจจุบัน ‘ผู้สูงอายุ’ เสี่ยงถูกละเมิดสิทธิเพิ่มขึ้น จะมีมาตรการกลไกป้องกันอย่างไร ? ชวนค้นหาคำตอบจากงานวิจัยของ ‘รศ. ดร.เดชา สังขวรรณ’ Read More »

ชวนสำรวจแหล่งกำเนิดและแนวทางลดฝุ่นละอองในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ ต.หน้าพระลาน จ.สระบุรี จากงานวิจัยของ ‘ผศ.ดร.ธงชัย ขนาบแก้ว’

ชวนอ่านงานวิจัย “โครงการศึกษาเพื่อหาแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ ตำบลหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี และพื้นที่โดยรอบเขตควบคุมมลพิษในรัศมีไม่เกิน 10 กิโลเมตร” โดย ผศ.ดร.ธงชัย ขนาบแก้ว คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC)  ปัญหามลพิษทางอากาศโดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก ได้แก่ PM10 และ PM2.5 เป็นปัญหาสำคัญในพื้นที่ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ซึ่งส่งผลกระทบตรงต่อสุขภาพของประชาชนและเป็นปัญหาที่สะสมต่อเนื่องมายาวนาน หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมควบคุมมลพิษ ได้ติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศถาวรในพื้นที่ตำบลหน้าพระลาน (24t) อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี เพื่อเฝ้าระวังและติดตามปริมาณความเข้มข้นของฝุ่นละออง รวมถึงมลพิษทางอากาศชนิดอื่น ๆ พร้อมทั้งจัดทำมาตรการร่วมกับหน่วยงานและสถานประกอบการในพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังคงพบว่าสถานการณ์จำนวนวันที่ฝุ่นละออง โดยเฉพาะ PM10 มีค่าสูงเกินค่ามาตรฐานยังคงเกิดขึ้นติดต่อกัน โดยเฉพาะช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน – เมษายน ของทุกปี จากข้อมูลการศึกษาของพื้นที่ที่ผ่านมาพบว่า แหล่งกำเนิดฝุ่นละอองจากภาคอุตสาหกรรมและการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองจากกิจกรรมของของสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมืองแร่และเหมืองหิน รวมถึงการคมนาคมขนส่ง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ระดับความเข้มข้นที่ตรวจวัดได้มีค่าสูง การจัดการและควบคุมการปล่อยมลพิษ PM10 และ PM2.5 จากแหล่งกำเนิดเหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องพิจารณาดำเนินการเพื่อลดระดับความเข้มข้นของฝุ่นละอองลงมา และพัฒนาแนวทางและมาตรการเพื่อควบคุมและลดการปล่อย PM10

ชวนสำรวจแหล่งกำเนิดและแนวทางลดฝุ่นละอองในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ ต.หน้าพระลาน จ.สระบุรี จากงานวิจัยของ ‘ผศ.ดร.ธงชัย ขนาบแก้ว’ Read More »

Scroll to Top